สาระน่ารู้รอบตัว

เว็บรวบรวม สาระน่ารู้ รอบๆตัวและในชีวิตประจำวัน

หมวดหมู่: สาระน่ารู้

Marketing 4.0 เหมาะกับธุรกิจคุณไหม

Posted on 09/09/2020 by Scarlette

Marketing 4.0 เป็นยุคของการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจกับลูกค้าให้ถึงกันได้ง่ายขึ้น มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เรามาดูกันครับว่า วิธีการทำการตลาดแบบ Marketing 4.0 จะเหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่

Marketing 4.0 เหมาะกับธุรกิจคุณไหม ลองเข้ามาอ่านดูกัน !!

1. ยุคแห่งข้อมูล 

ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะซื้อของกิน ของใช้ จะชิ้นเล็ก ชื้นใหญ่ สิ่งแรกที่เราทำ คือ หยิบมือถือมา search หาข้อมูลสินค้า หารีวิว เปรียบเทียบราคา ก่อนตัดสินใจซื้อ
ดังนั้น หากกลุ่มเป้าหมายของคุณ มีพฤติกรรมค้นหาข้อมูลสินค้าบนอินเทอร์เน็ตก่อนตัดสินใจซื้อ การตลาดที่คุณควรทำ คือ
-นำเสนอสินค้าและธุรกิจของคุณบนสื่อออนไลน์ และทำให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เช่น เมื่อกลุ่มเป้าหมายค้นหาสินค้า ชื่อสินค้าของคุณควรอยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหา การโฆษณาบน social network หรือแม้แต่การทำวิดีโอโฆษณาบน YouTube
-โฆษณาให้เห็นประโยชน์ของสินค้า ว่าจะช่วยให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้นอย่างไร
-เจาะกลุ่มเป้าหมาย อย่าเน้นปริมาณ การโฆษณาที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากจะไม่ได้รับความสนใจแล้ว หลายครั้งเป็นการรบกวนผู้รับเสียอีก

2. สังคมแห่งความคิดเห็น 

การเปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็นเช่นปัจจุบัน ลูกค้ายินดีในการมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นในการปรับปรุงสินค้า และการให้บริการ ซึ่งธุรกิจควรมองว่า คำแนะนำของลูกค้า คือ หนึ่งในกระบวนการพัฒนาสินค้า
ดังนั้น หากกลุ่มลูกค้าของคุณเป็นผู้ใช้ social network ในชีวิตประจำวัน การตลาดที่คุณควรทำ คือ
-สร้างช่องทางให้ลูกค้าได้แสดงความคิดเห็นโดยตรงกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LINE หรือผ่านหน้า website
-จัดตั้งทีมงานที่คอยดูแลรับความคิดเห็น คำติชมจากลูกค้า และสามารถตอบคำถามหรือคลายความสงสัยให้กับลูกค้าได้ในเบื้องต้น
-รักษาคุณภาพ และภาพพจน์ของธุรกิจบนโลกออนไลน์

3. เชื่อมโยง 

“ลูกค้าไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้าแล้วเกิดถูกใจรองเท้าในร้านของคุณ เธอลองสี ลอง size เรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ จนกลับไปถึงบ้านแล้วเกิดอยากได้ขึ้นมา เธอจึงสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์แทน” เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติใช่ไหมครับ
ดังนั้น หากกลุ่มลูกค้าของคุณ มีประสบการณ์ในการซื้อของออนไลน์เป็นประจำอยู่แล้ว การตลาดที่คุณควรทำ คือ
-สร้างช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ เพิ่มเติมจากบริการหน้าร้าน
-เตรียมระบบ เช่น รวบรวมฐานข้อมูลของสมาชิกจากระบบหน้าร้าน และระบบออนไลน์เข้าด้วยกัน
-เชื่อมโยงเพราะไม่ว่าจะหน้าร้านหรือโลกออนไลน์ก็คือร้านเดียวกัน เช่น ลูกค้าที่เป็นสมาชิกอยู่ เมื่อสะสมแต้มได้ถึงยอด สามารถไปรับของสมนาคุณได้ที่สาขาของร้าน

4. Virtual Experience 

อันนี้อาจจะล้ำอยู่สักหน่อยครับ แต่เป็นหนึ่งในวิธีการตลาดที่เริ่มใช้กันบ้างแล้ว โดยเชื่อมโยงสินค้าเข้าสู่โลกเสมือนจริง เช่น ลูกค้าสามารถทดลองใช้ไม้กอล์ฟในร้าน ตีลูกกอล์ฟที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบวัดความแรงและทิศทางของการตี และแสดงผลเสมือนจริงให้เห็นในจอ Projector ว่าลูกตีไปไกลแค่ไหน และไปในทิศทางใด เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของไม้ ทำให้ลูกค้าสามารถลองใช้งานได้จริงโดยที่ยังไม่ต้องซื้อสินค้า และมีประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าที่ดีอีกด้วย หรือการเล่นเกมส์เก็บคะแนน เพื่อนำมาใช้แลกสินค้าที่ใช้ได้ในชีวิตจริงหรือใช้เป็นส่วนลดจากร้านค้า โดยวิธีเหล่านี้ ธุรกิจสามารถเก็บข้อเสนอแนะจากลูกค้า ทั้งใช้เป็นช่องทางในการโฆษณาสินค้า ก่อนวางออกขายได้ด้วย
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และการใช้งานอย่างแพร่หลายของโลกอินเทอร์เน็ต ทำให้ธุรกิจและลูกค้ามีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น การปรับใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคจึงนับเป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่รอดของธุรกิจในยุคสมัยนี้ครับ

อ่านเพิ่มเติม : วิธีเลือก Graphic Designer มาทำงานออกแบบให้ได้ดั่งใจ

รับทำ SEO

ทำการตลาด

การตลาดออนไลน์

 

Posted in สาระน่ารู้ Tagged: การตลาดออนไลน์, ทำการตลาด, รับทำ SEOLeave a Comment on Marketing 4.0 เหมาะกับธุรกิจคุณไหม

วิธีเลือก Graphic Designer มาทำงานออกแบบให้ได้ดั่งใจ

Posted on 07/09/2020 by Scarlette

วิธีเลือก Graphic Designer มาทำงานออกแบบให้ได้ดั่งใจ

วิธีเลือก Graphic Designer  : หลายๆ ท่านที่มีความจำเป็นต้องหาคนมาช่วยออกแบบ Graphic ไม่ว่าจะงานเล็กหรือใหญ่ ยังคงถามและลังเลอยู่ว่า “จะเลือกจ้างใครดีระหว่าง Freelance หรือ บริษัทโฆษณา…” ที่สำคัญจะมีวิธีการเลือกอย่างไรให้ได้ผลคุ้มค่าไม่เสียเงิน เสียเวลา เสียความรู้สึกภายหลัง

เริ่มแรกก่อนที่เราจะมองหาบริษัทหรือนักออกแบบ คุณต้องกลับมาถามความต้องการตัวเองให้ชัดก่อน ว่าลักษณะของงานและวัตถุประสงค์ของคุณเป็นอย่างไร? เพื่อที่จะได้เลือกบริษัทหรือนักออกแบบที่เหมาะสม มาช่วยได้ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด

ใครคือคนที่เหมาะสมกับงานของคุณระหว่าง บริษัทโฆษณามืออาชีพ หรือ นักออกแบบอิสระ ?

  • ในกรณีที่ต้องการเพียงงานออกแบบเล็กๆ น้อยๆ หรืองานที่ไม่ซับซ้อนไม่ต้องบูรณาการกับระบบ Marketing หรือ Branding ใดๆ และมีรูปแบบงาน Graphic ที่ต้องการชัดเจน รวมไปถึงมีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับเหล่า Graphic Designer มาบ้างแล้ว แบบนี้ เหมาะที่จะจ้าง “นักออกแบบอิสระ” มาช่วยงานของคุณ
  • แต่หากคุณต้องการสร้าง Marketing tools ที่สอดคล้องกับแผนการตลาด และส่งเสริม Brand  หรืองานออกแบบที่คุณต้องการ มีความซับซ้อนทั้งในด้านภาพและเนื้อหา หรือต้องการพัฒนางานออกแบบเดิมที่มีอยู่ให้มีความแตกต่าง หรือให้ผลทางการสื่อสารที่ดีขึ้น คุณควรที่จะจ้าง “บริษัทออกแบบมืออาชีพ” ดีกว่า เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่จะมีบุคลากรที่มีความหลากหลาย มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ มาช่วยตอบโจทย์ให้คุณได้บรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วและแน่นอนกว่า

วิธีเลือกGraphic Designer  : หลายๆ ท่านที่มีความจำเป็นต้องหาคนมาช่วยออกแบบ Graphic ไม่ว่าจะงานเล็กหรือใหญ่ ยังคงถามและลังเลอยู่ว่า “จะเลือกจ้างใครดีระหว่าง Freelance หรือ บริษัทโฆษณา…” ที่สำคัญจะมีวิธีการเลือกอย่างไรให้ได้ผลคุ้มค่าไม่เสียเงิน เสียเวลา เสียความรู้สึกภายหลัง

วิธีเลือก Graphic Designer มาทำงานออกแบบให้ได้ดั่งใจ

วิธีเลือกจ้าง บริษัทโฆษณามืออาชีพ หรือ นักออกแบบอิสระ

1. เลือกจาก Portfolio

เริ่มตั้งแต่การเปิดดู portfolio ของบริษัทโฆษณาหรือนักออกแบบที่คุณสนใจ ว่ามีผลงานที่ผ่านมา ใกล้เคียงหรือตรงกับธุรกิจของคุณหรือไม่ เพื่อที่จะได้มั่นใจว่าผู้ออกแบบที่คุณจ้างนั้นพอจะมีความรู้และมีประสบการณ์ที่จะสามารถนำมาช่วยทำให้งานสำเร็จลุล่วงได้ไม่ยากเย็นจนเกินไป

พิจารณา Character ของงาน เพราะแน่นอนว่าบริษัทโฆษณาและนักออกแบบแต่ละรายจะมีความถนัดและสไตล์การสร้างสรรค์งานออกแบบที่ไม่เหมือนกัน เช่น บางรายเน้นออกแบบไปทาง Modern / บางรายเน้นไปทาง Conceptual / บางรายเน้นไปทาง Corporate ดังนั้นผู้จ้างควรเลือกจากรูปแบบที่ชื่นชอบและสไตล์ที่เข้ากับธุรกิจของตนเองมากที่สุด เช่น หากบริษัทของคุณเป็นองค์กรใหญ่ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ต้องการสื่อสารให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือ และความมั่นคง ก็ควรเลือก Character การออกแบบไปในทางที่ดูเป็น Corporate เพื่อทำให้งานออกแบบของคุณช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือในกับองค์กรธุรกิจของคุณเป็นต้น

2. ดูขั้นตอน วิธีการทำงาน

หลังจากที่คุณได้ดู Portfolio จนเป็นที่พอใจแล้ว ต่อมาก็จะต้องดูวิธีการทำงานว่านักออกแบบ หรือบริษัทที่คุณสนใจจะว่าจ้าง เขามีขั้นตอนและวิธีการดำเนินงานอย่างไรให้งานสำเร็จลุล่วงในเวลาที่กำหนด  หากมีปัญหาในแต่ละขั้นตอนการทำงานจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร นักออกแบบที่ดีจะต้องสามารถตอบคุณได้ทุกคำถามตั้งแต่วันเริ่มงานไปจนถึงวันที่จบงาน

ซึ่งในส่วนนี้ข้อดีของการจ้างบริษัทโฆษณานั้น จะมีวิธีการทำงานที่ค่อนข้างชัดเจน มีทีมงานที่คอยดูแลงานของคุณอย่างเป็นทีม อาทิ Account Executive (AE) พร้อม Project Manager (PM) หรือ Project Coordinator ที่คอยดูแลประสานงานของคุณอย่างเป็นระบบ

3. ราคา

เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญในการพิจารณาตัดสินใจจะจ้างบริษัทโฆษณาหรือนักออกแบบอิสระ เราต้องพิจารณาเรื่องงบประมาณของตนเองด้วยว่าสามารถจ่ายไหวไหมเเละเงินที่เราจ่ายไปกับสิ่งที่เราจะได้รับกลับมาจะคุ้มค่าหรือไม่? เพราะในบางครั้ง เราจ่ายเงินไปราคาที่ถูกที่สุด แต่ก็ใช่ว่าเราจะได้งานกลับมาคุ้มค่ามากที่สุด

ทั้งหมดก็เป็นวิธีเบื้องต้นเพื่อช่วยในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตามการเลือกบริษัทและนักออกแบบอิสระนั้นก็ยังมีหลากหลายปัจจัย คุณอาจจะต้องลองติดต่อพูดคุย หรือนัดกันเข้าไปประชุมเพื่อให้ได้แลกเปลี่ยนไอเดียความคิดซึ่งกันและกัน ก็จะช่วยได้อีกไม่น้อย

อ่านเพิ่มเติม : ทำความรู้จักกับ Motion Graphic ขั้นกว่าของการทำ Graphic Design

รับทำ SEO

ทำการตลาด

การตลาดออนไลน์

Posted in สาระน่ารู้ Tagged: การตลาดออนไลน์, ทำการตลาด, รับทำ SEOLeave a Comment on วิธีเลือก Graphic Designer มาทำงานออกแบบให้ได้ดั่งใจ

ทำความรู้จักกับ Motion Graphic ขั้นกว่าของการทำ Graphic Design

Posted on 05/09/2020 by Scarlette

Motion Graphic ขั้นกว่าของการทำ Graphic Design !!

Content Marketing กลายเป็นสิ่งที่แบรนด์ และธุรกิจต่างๆหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ และกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำเสนอภาพลักษณ์แบรนด์ ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า ซึ่งสิ่งที่เราจะพูดถึงวันนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำคอนเทนต์

ทำความรู้จักกับ Motion Graphic ขั้นกว่าของการทำ Graphic Design

Motion Graphic (โมชั่นกราฟิก) ก็คือ ภาพกราฟิกที่เคลื่อนไหวได้ หรือจะขยับดุ๊กดิ๊กๆ เปลี่ยนภาพคอนเทนต์แบบเดิมๆน่าสนใจ ดูมีเรื่องราวมากขึ้น และทำให้ทุกคนเห็นภาพ เข้าใจตรงกันกับเรานั่นเอง

ถ้าอย่างนั้นแล้วมันเหนือกว่าการทำ Graphic Design ธรรมดาตรงไหนล่ะ?

  • เข้าถึงความรู้สึกผู้บริโภคได้มากกว่าภาพนิ่งธรรมดา

ภาพนิ่ง หรือภาพกราฟิกแบบเดิม สามารถเล่าเรื่องและสื่อความหมายได้ระดับนึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนทั่วไปอาจจะไม่เข้าในสิ่งที่เราสื่อสารทั้งหมด โดยเฉพาะเนื้อหาที่เป็นความรู้ การให้ข้อมูลต่างๆ นอกจากนี้แล้ว โมชั่นกราฟิกยังสามารถสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ได้ด้วย เช่น ภาพเคลื่อนไหวของโลโก้แบรนด์ ภาพตัวการ์ตูน หรือสินค้า ที่ขยับดุ๊กดิ๊ก เพื่อสร้างภาพจำให้ลูกค้า เป็นต้น

  • เล่าเรื่องได้ชัดเจนกว่าภาพนิ่ง

ในภาพนิ่ง 1 ภาพ ผู้รับสารอาจตีความไปได้หลากหลายความหมาย แต่โมชั่นกราฟิกจะเหมือนน้องๆวิดีโอ ทำให้เห็นเรื่องราว การตีความชัดเจน ตามใจที่เราอยากจะสื่อได้มากกว่า

เห็นได้จาก โฆษณาสินค้าของแบรนด์ดังต่างๆ นิยมใช้การทำคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวกับตัวสินค้า และองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อดึงดูดให้คนสนใจ และบอกเล่าคุณประโยชน์ของสินค้าไปในตัว

  • ทำให้คอนเทนต์ไม่น่าเบื่อ

เพราะเป็นการใช้ภาพ เสียง และองค์ประกอบอื่นๆสร้างเป็นภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ เพื่อทำให้คอนเทนต์ที่ต้องสารสื่อสารมีความน่าสนใจมากกว่าเดิม ช่วยดึงดูดใจลูกค้าให้สนใจ ด้วย Mood & Tone และเกิดภาพจำที่ดีกับแบรนด์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ

  • คอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวเข้าถึงผู้คนได้ง่าย และหลากหลายในคราวเดียว

เดิมคอนเทนต์ที่มีภาพประกอบก็เป็นคอนเทนต์ที่สามารถเข้าใจง่ายอยู่แล้ว แต่เราจะเห็นได้ว่าเมื่อเป็นวิดีโอ ภาพเคลื่อนไหว จะสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมกับคนดูได้มากกว่า

เป็นเหตุผลที่การทำภาพเคลื่อนไหวกราฟิกสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย และครอบคลุม เนื่องจากเนื้อหาในโมชั่นกราฟิกนั้น ได้ถูกปรับแต่งด้วยกระบวนการคิด วิเคราะห์มาอย่างดี เพื่อตอบโจทย์สำหรับแก้ปัญหาสิ่งยากๆที่แบรนด์ต้องการสื่อสาร ให้การสื่อสารระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคกลายเป็นเรื่องง่าย

  • สื่อสารได้ครบถ้วน ในเวลาแสนสั้น

แม้ว่าการทำ ภาพกราฟิกแบบเคลื่อนไหวได้จะสามารถสื่อสารได้ครอบคลุม ทั่วถึง และง่าย แต่เนื้อหาในคอนเทนต์นั้นก็ไม่ควรมากไป หรือน้อยไป เพราะระยะเวลาของวิดีโอ ภาพกราฟิกแบบเคลื่อนไหวมีผลต่อการเลือกรับรู้ และตัดสินใจของผู้บริโภคเช่นกัน ภายในระยะเวลาเพียงเท่านี้เท่านั้น ต้องสื่อสารได้กระชับ ครบถ้วน และตอบวัตถุประสงค์การสื่อสาร โจทย์หินไม่เบา แต่รับรองว่าผลลัพธ์ก็คุ้มค่าพอสมควร

อ่านเพิ่มเติม : 5 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จบนโลก Digital Marketing

รับทำ SEO

ทำการตลาด

การตลาดออนไลน์

Posted in สาระน่ารู้ Tagged: Graphic Design, SEO, กราฟฟิก, การตลาดออนไลน์, ทำการตลาด, รับทำ SEOLeave a Comment on ทำความรู้จักกับ Motion Graphic ขั้นกว่าของการทำ Graphic Design

5 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จบนโลก Digital Marketing

Posted on 04/09/2020 by Scarlette

หลายต่อหลายคนเกิดข้อสงสัยในใจว่าทำไมสร้างธุรกิจออนไลน์มันสำเร็จยากเย็น แถมบางทีได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่า วันนี้เรามี 5 วิธีเพื่อให้เราสร้างความสำเร็จบนโลก Digital ได้ครับ

5 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ ธุรกิจออนไลน์ บนโลก Digital Marketing !!

1.) วางแผน
ขั้นตอนแรกดูเหมือนเบสิคและใครๆก็ทำกัน จริงหรือ!!? ผมอยากให้ลองตั้งวัตถุประสงค์ขึ้นมาก่อน คุณกำลังต้องการอะไร เอาที่มันวัดได้ด้วยนะครับ เช่น

– อยากได้ยอดขาย 20,000 บาทต่อวัน
– อยากให้สินค้าขายได้วันละ 50 ชิ้น
– ต้องการสมาชิกเพิ่ม 20%

เริ่มจากวัตถุประสงค์และไปหาวิธีการที่จะถึงเป้าหมาย ตามลำดับ ต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ เครื่องมืออะไรบ้าง และวัดผลอย่างไร

2.) อดทน
ความสำเร็จไม่ใช่ครีมหน้าใส ที่จะสร้างได้ในข้ามคืน ขอให้ตระหนักเรื่องนี้ให้มาก เพราะคนส่วนใหญ่มักมีความคิดผิดๆว่า แค่เริ่มทำก็ควรจะเห็นผลเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นธุรกิจหน้าใหม่ เริ่มต้นคุณควรเผื่อใจไว้อดทนซัก 2-3 เดือนในการเซ็ตตัว อาจมีขาดทุนบ้าง ฝืดๆบ้าง แต่ช่วงนี้แหละคุณจะได้ข้อมูลที่ดีมากๆ ว่าอะไรที่เหมาะกับธุรกิจของคุณจริงๆ

3.) หมั่นอัพเดทข่าวสาร
ผลกระทบภายนอกเป็นปัจจัยที่ละเลยไม่ได้ บางครั้งมีโอกาสครั้งใหญ่ที่คุณสามารถใช้กับธุรกิจของคุณได้ แต่ก็พลาดมันไปด้วยข้ออ้างว่า “ไม่มีเวลา”
ลองดูนะครับ เผื่อเวลาอย่างน้อยซัก 15-30 นาทีต่อวัน อ่านข่าวสารภายนอกบ้าง บางทีคุณอาจได้ไอเดียใหม่ๆที่คาดไม่ถึงก็ได้

4.) ติดตาม และวัดผลอย่างต่อเนื่อง
การตลาดคือการลงทุน และการลงทุนย่อมต้องมีการวัดผลที่จับต้องได้ เรื่องนี้จะล้อไปกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ตั้งแต่ข้อแรกนะครับ ถ้ารู้ว่าเครื่องมือที่คุณใช้ไม่สามารถวัดผลได้ ต้องรีบประยุกต์เครื่องมือให้วัดได้ เช่น โฆษณานิตยสาร อาจต้องมีกิจกรรม หรือคูปอง เพื่อวัดการตอบรับหากโฆษณาในนิตยสารน่าสนใจจริงๆ

5.) สร้างทัศนคติที่ดี อย่าท้อ
ธุรกิจเป็นเรื่องของความเสี่ยง ย่อมมีคนสำเร็จและมีคนล้มเหลว แต่คุณจะเป็นคนล้มเหลวและยอมแพ้ หรือล้มเหลวแล้วเรียนรู้ เพื่อพัฒนาไปข้างหน้าอีก

คนประสบความสำเร็จต้องมีความเชื่อ ว่าเราสามารถทำมันได้ และเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัดสินใจ อย่าลังเล อย่ารีรอ หากมองเห็นโอกาสจงรีบคว้า

ทบทวนตัวเองให้ดีนะครับ หากคิดจะประสบความสำเร็จในยุคที่โลกหมุนเร็วแบบนี้ครับ

อ่านเพิ่มเติม : บริษัท Digital Marketing Agency เค้าทำอะไรกัน

การตลาดออนไลน์

 

 

 

Posted in สาระน่ารู้ Tagged: SEO, การตลาดออนไลน์, ทำการตลาดออนไลน์, รับทำ SEOLeave a Comment on 5 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จบนโลก Digital Marketing

บริษัท Digital Marketing Agency เค้าทำอะไรกัน

Posted on 03/09/2020 by Scarlette

บริษัท การตลาดออนไลน์ หรือ บริษัท Digital Marketing Agency ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเรียกกันว่า Digital Agency มีหน้าที่สนับสนุน ด้านการตลาด และโฆษณาแก่ธุรกิจต่างๆ แต่เจ้าของธุรกิจ SME หลายคนยังตั้งคำถามว่า ทำไมเราถึงควรจ้างเอเจนซี่ เหล่านี้มาให้ช่วยงานด้านการตลาดออนไลน์ด้วย หา Freelance มาทำไม่ได้เหรอ หรือจ้าง In-house เลยดีกว่าไหม

สงสัยบ้างไหมว่าพวก บริษัท Digital Agency เหล่านี้เค้าทำอะไรกัน ให้บริการอะไร เรื่องออนไลน์ดูเหมือน ไม่น่าจะยาก แต่ทำไมหลายธุรกิจพร้อมจ่ายเงินให้บริษัทเหล่านี้มาช่วยทำการตลาด?

ยิ่งไปกว่านั้น หลายธุรกิจ (ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องออนไลน์) ไม่ค่อยให้ “มูลค่า” กับสิ่งที่อยู่บนโลกออนไลน์ เพราะคิดว่ามันมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ ไม่มีตัวตน และไม่เข้าใจว่ามันทำงานอย่างไร ก็เลยส่งผลไปให้ยิ่งไม่เข้าใจว่า Digital Agency วันๆ ทำอะไร คิดค่าบริการไปแล้ว จริงๆ มันมีงานต้องทำด้วยเหรอ? คำถามที่หนักกว่านั้นคือ จ่ายค่าโฆษณาไปแล้ว ไม่มีค่าบริการไม่ได้หรอ ถ้าเอเจนซี่เจอคำถามนี้ไป คงจะไปไม่ถูกเลยทีเดียว

บริษัท Digital Marketing Agency มีหน้าที่อะไร เค้าทำอะไรกัน !?

อะไรที่ บริษัท Digital Marketing Agency มี แต่ Freelance กับทีม In-house อาจจะไม่มี

ไม่ได้หมายความว่า Freelance จะไม่มีความสามารถ จากที่เคยเจอ Freelance หลายคนให้บริการดีกว่า Digital Agency เสียอีก ทำงานเร็ว แก้ไข ปรับเปลี่ยนได้รวดเร็ว นัดเจอ คุยงานเมื่อไหร่ก็ได้

แล้ว In-house ล่ะ.. ทีมงานที่เลือกเข้ามาทำ In-house หลายคนก็มีความสามารถเช่นกัน อยู่กับเราทั้งวัน ให้ลองทำอะไรก็ทำตามที่ต้องการได้ คุยง่าย แก้ไขงาน ปรับเปลี่ยนง่าน และรวดเร็ว (ซึ่งก็อยู่ที่ตอนเลือกคนเข้ามาด้วย แต่ละคนมีความ Willing ที่จะทำงาน หรือเรียนรู้ต่างกัน)

ในขณะที่การใช้บริการ บริษัท Digital Agency บางครั้งอาจจะช้าบ้างในบางเรื่อง เนื่องจากมีระบบที่ชัดเจน จะนัดเจอตามต้องการทุกครั้งอาจจะไม่ได้ แถมค่าบริการก็ดูเหมือนจะสูง

แต่ทำไมหลายธุรกิจยังเลือกใช้บริการ บริษัทการตลาด ออนไลน์ เข้ามาช่วยดูแลแคมเปญออนไลน์ จัดการ และบริหารโฆษณาบนช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Facebook SEO ดูแลเว็บไซต์ และทำ Content Marketing ต่างๆ นาๆ

คำตอบคือเมื่อธุรกิจของคุณเริ่มโต หรือเมื่อคุณเริ่มตั้งเป้าหมายธุรกิจอย่างจริงจัง Freelance หรือ ทีม In-house อย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์.. เพราะอะไร?

  • Freelance ทีมน้อย ไม่สามารถบริการได้ครอบคลุม Freelance อาจต้องรับงานหลายที่ และด้วยทีมงานที่น้อย ก็อาจจะไม่มีเวลามาคิดแผน หรือดูแลคุณได้อย่างเต็มรูปแบบ และด้วยการทำงานที่ Flexible จนเกินไป บางครั้งพอเริ่มทำการตลาดบนช่องทางที่หลากหลายขึ้น เราต้องการ Integrate ระหว่างช่องทางต่างๆ เราต้องการความเป็นระบบ มากกว่าความ Flexible ช้าหน่อยไม่เป็นไร
  • In-house เมื่อมาอยู่ออฟฟิศเราแล้ว เราต้องมีงบประมาณพอสมควร ที่จะให้ทีมทำ R&D หรือ Experiment ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทดสอบโฆษณา เรื่องดีไซน์ เรื่อง Creative ซึ่งถ้ารวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้แล้วไม่ได้น้อยเลย และยิ่งต้องการทำแคมเปญที่ Advance ขึ้น In-house จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญสูง ดังนั้นถ้าจะสร้างคนให้เก่งขึ้นก็มีค่าใช้จ่าย และใช้เวลา หรือจะจ้าง Specialist แพงๆ มา 2-3 คน ก็คงไม่ไหว

กับการจ่ายค่าบริการให้สักเอเจนซี่นึง ตีรวมๆ 30,000 บาทต่อเดือน (ตัวเลขโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับเนื้อหางาน และงบโฆษณา) ได้ทีม Specialist จากเอเจนซี่มาดูแล ยังถูกกว่าการจ้าง In-house 2 คน ซึ่งจริงๆ แล้วบางบริการราคาไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ เช่นถ้าจะจ้างแค่ให้ดูแลแคมเปญโฆษณา Google ค่าบริการเริ่มต้น 2,500-3,500 ต่อเดือนก็น่าจะอยู่แล้ว (ยังไม่รวมค่าโฆษณา) แต่ก็อย่างที่บอกว่า อยู่ที่งบโฆษณา และ Scope ของบริการ เพราะเอเจนซี่เองก็มีค่าใช้จ่าย หากต้องบริหารงบโฆษณาเดือนละ 500,000 บาท แต่ได้ค่าบริการแค่เดือนละ 3,000 บาทก็คงไม่แฟร์ (ลองคิดกลับกันว่าถ้าเป็นธุรกิจคุณ คุณว่าคุ้มหรือเปล่า) เอเจนซี่ส่วนใหญ่เลยใช้วิธีการคิดค่าบริการเป็น % ตามงบโฆษณา

บริษัท Digital Agency ช่วยอะไรธุรกิจคุณได้บ้าง

จริงๆ บริษัทการตลาดออนไลน์ หรือ บริษัท Digital Marketing Agency ก็ครอบคลุมทำด้านออนไลน์เกือบทั้งหมด ไม่ว่าเป็นการ ดูแลเรื่องการลงโฆษณาบนสื่อออนไลน์ ลงโฆษณาออนไลน์ Facebook/Google/YouTube สร้างคอนเทนต์ ผลิตวิดีโอ ถ่ายภาพ ดูแล Facebook Page ทำ SEO สร้างเว็บไซต์ พร้อมระบบต่างๆ สำหรับการตลาด ทำ CRM และอีกมากมาย (ลามไปถึงทำคอร์ส)

หน้าที่ของเอเจนซี่ไม่ใช้แค่ช่วยคุณลงโฆษณา คลิกปุ่มสองสามทีแล้วจบ แต่จะต้องช่วย Monitor ช่วยบริหารงบโฆษณา วางแผน ทดสอบ วัดผล วิเคราะห์ รายงานผล มี Report ซึ่งจากการที่เอเจนซี่มีโอกาสได้รับงานดูแลหลายประเภทธุรกิจ หรือหลายแบรนด์ในธุรกิจนั้นๆ มันจะช่วยให้บริษัทเอเจนซี่มี Insight มากกว่า มี Data ที่จะนำมาวิเคราะห์ และปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้มากกว่า ซึ่งก็เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณมากกว่า

ซึ่งเจ้า “งบโฆษณา” ที่พูดถึงก่อนหน้านี้ มันคืองบโฆษณาที่ทางเอเจนซี่ต้องจ่ายให้กับ Online Platform ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google หรือ Facebook มันไม่ใช่ “กำไร” ของเอเจนซี่นะครับ ดังนั้นค่าโฆษณาคือเงินที่จะจ่ายไปยัง Facebook และ Google ไม่ได้เข้าเอเจนซี่

การที่เราจะ ลงทุนทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ในยุคนี้ โดยเฉพาะถ้าจะโฟกัสที่ช่องทางออนไลน์จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ที่เชี่ยวชาญมาช่วย รวมถึงต้องใช้ Data จากการทำการตลาด หรือโฆษณาออนไลน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย

ความเชี่ยวชาญของเอเจนซี่

จากประสบการณ์ที่เจอ แต่ละ Agency จะชูจุดที่เขาเชี่ยวชาญหลักๆ อยู่ไม่กี่ด้าน เช่น บางบริษัทก็เชี่ยวชาญด้านการหา Influencer บางที่ก็เชี่ยวชาญด้าน SEO บางที่ก็เชี่ยวชาญครบวงจรเลย ทั้ง SEO/Google Ads/Social Media ซึ่งเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไม่ใช่เพราะเขาไม่มีความสามารถนะ แต่เป็นการชู Positioning และความเป็น Specialist มากกว่า ไม่ใช่แค่ในไทย เอเจนซี่ต่างประเทศส่วนใหญ่ก็นิยมโฟกัสจุดเด่นอย่างเดียวไปเลย เช่น WordStream ก็เป็น บริษัท Marketing Agency ที่โฟกัสที่ Google AdWords ทั้งๆ ที่บริษัทก็มีบริการด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

แต่ก็อาจจะมีบางเอเจนซี่ระดับเล็ก ที่จะเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และให้บริการเฉพาะด้านไปเลย เช่น ทำเว็บไซต์ เขียนโปรแกรมอย่างเดียว ไม่ให้บริการการตลาดและโฆษณา หรือ เชี่ยวชาญด้าน Online อย่างเดียว ไม่ให้บริการ Offline

แล้วก็จะมีเอเจนซี่ระดับ International Agency ใหญ่ๆ เลยที่มีทีมงานหลายร้อย หลายพันคน พร้อมดูแล และบริการในทุกๆ ด้าน ต่างประเทศก็ทำ ไม่ว่าแคมเปญจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม ซึ่งก็ต้องกลับมาดูว่า จุดประสงค์ของธุรกิจคุณคืออะไร จำเป็นต้องจ้างเอเจนซี่ใหญ่ๆ ไหม

ทั้งนี้ คุณต้องลองเข้าไปในเว็บไซต์ของแต่ละเอเจนซี่ และดูว่าเนื้อหา หรือบริการบนเว็บไซต์ที่เด่นๆ นั้นตรงกับสิ่งที่คุณกำลังมองหาหรือเปล่า หรืออาจจะต้องลองทำ SWOT ก่อน เพื่อที่จะได้เห็นภาพชัดขึ้นว่าจะเอเอเจนซี่เข้ามาช่วยส่งเสริมด้านไหนได้บ้าง ใครยังไม่เคยทำ SWOT ลองดู ตัวอย่าง SWOT จากธุรกิจต่างๆ ดูก่อนได้เลย

แนะนำว่า อย่าเปรียบเทียบที่ราคาอย่างเดียว เพราะการทำการตลาดออนไลน์ ต้องใช้เวลา ควรหาเอเจนซี่ที่จะดูแลเราได้ดี เคมีตรงกัน คุยกันรู้เรื่อง และวัดผลลัพธ์ได้ ถึงแม้อาจไม่ได้ผลตาม KPI เป๊ะๆ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหามาก แต่ต้องพร้อมที่จะปรับ ทดลองอะไรใหม่ เพื่อพัฒนาแคมเปญให้ดีขึ้น เพราะการโฆษณาจะมีผลลัพธ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ เป็น ช่วงๆ ก็ต้องทดสอบกันไป ใจเย็นๆ

หากธุรกิจไหนจ้างเอเจนซี่อยู่แล้ว แต่อยากเปลี่ยนเจ้า ให้ลองดู 3 สิ่งที่ต้องทำก่อนเปลี่ยน Agency เพื่อเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในการเปลี่ยนเอเจนซี่ใหม่นะครับ

สนใจงานติดต่อเราได้ที่นี่  การตลาดออนไลน์

Posted in สาระน่ารู้ Tagged: การตลาดออนไลน์, ทำการตลาด, ทำการตลาดออนไลน์, รับทำ SEOLeave a Comment on บริษัท Digital Marketing Agency เค้าทำอะไรกัน

6 วิธีเพื่อเลือกซื้อรถมือสองให้ได้รถดี

Posted on 02/09/2020 by Scarlette

6 วิธี เพื่อเลือกซื้อรถมือสองให้ได้รถดี !! เทคนิคในการเลือกรถมือสอง

แม้ว่าจะผ่านช่วงที่มีการคืนภาษีไปแล้วแต่สถานการณ์ก็ใช่ว่าจะดีขึ้น เพราะทางด้านผู้ผลิตรถยนต์ก็ได้รับผลจากนโยบายการคืนภาษีรถคันแรกเหมือนกัน ทำให้การบริหารสต็อกคลาดเคลื่อนจนแต่ละค่ายต่างก็ต้องอัดแคมเปญแข่งกันอย่างดุเดือดเพื่อระบายรถ ทั้งส่วนลดราคา ดาวน์น้อยผ่อนนาน ทั้งแถมประกันรถยนต์ชั้น1 ยิ่งทำให้ตลาดรถมือสองยิ่งเงียบขึ้นอีก และดูจะขยายวงกว้างไปถึงต่างจังหวัดด้วย

6

ถึงแม้ว่าตลาดรถมือสองอาจดูเหมือนว่าซบเซา แต่อย่างไรเสียรถมือสองก็เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับวงการรถยนต์เมืองไทยมาช้านาน ยังไงก็ยังต้องมีการซื้อขายกันอยู่ รถเก๋งเล็กอาจจะดูเงียบๆ แต่รถเก๋งขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ หรือรถประเภทอื่นๆ ก็ยังมีความต้องการกันอยู่ เพราะด้วยคุณสมบัติของรถที่ตอบโจทย์ ครั้นจะซื้อรถใหม่ก็ราคาสูงเกินไป

เอาเป็นว่าถ้าคุณกำลังสนใจรถมือสอง เรามี 6 แนวทางในการเลือกและดูรถเพื่อให้ได้รถที่มีคุณภาพมาแนะนำ

  1. อายุรถ – ถ้าเป็นรถปีใหม่ๆก็อาจจะตรวจดูได้ง่ายหน่อย เพราะน่าจะผ่านการขับขี่มาน้อย เกิดอุบัติเหตุน้อยและเครื่องยนต์ก็น่าจะยังไม่ทรุดโทรมไปมากนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารถปีใหม่ๆ จะดีเสมอไป การดูรถมือสองมีจุดที่ต้องสังเกตุหลักๆ แล้วไม่กี่จุด แต่การที่จะบอกได้ว่าดีหรือไม่ดีนั้น ถ้าจะดูให้ขาดก็ต้องอาศัยประสบการณ์ ถ้าหากคุณไม่มีประสบการณ์็ต้องทำการบ้านเยอะๆ หน่อย
  2. สภาพตัวถังโดยรวม – เครื่องยนต์หลวมยังซ่อมหรือเปลี่ยนเครื่องได้ ช่วงล่างหลวมก็ซ่อมได้ ตัวถังไม่สวย ก็ซ่อมได้ แต่จะซ่อมให้สวยปิ๊งเหมือนเดิมนั้นยาก ลำดับแรกต้องมองให้ขาดว่าตัวถังของรถคันที่คุณสนใจอยู่ในสภาพที่ดี ความสวยสมบูรณ์ของตัวถังไม่ได้หมายถึงสีสวย แต่หมายถึง ทรงของรถต้องยังดีอยู่ การดูก็ดูรวมๆ มองภาพกว้างๆ เดินดูรอบๆ ว่าเหลี่ยมสันของรถคันนั้นในมุมต่างๆ ยังสวยกริ๊บอยู่ไหม ช่องไฟต่างๆ ช่องไฟคือ ระยะห่างระหว่างชิ้นส่วนตัวถังแต่ละจุด เช่น ระยะระหว่างบังโคลนหน้าซ้ายกับบานประตูหน้าซ้าย บานประตูหน้าซ้ายกับบานประตูหลังซ้ายมีระยะห่างเท่ากันไหม และระยะห่างนั้นอยู่ในลักษณะที่เป็นแนวตรงดีหรือไม่ ถ้ามีการเฉี่ยวชนมา หากซ่อมตัวถังไม่ดี จุดเหล่านี้ระยะจะมีการผิดเพี้ยนหรือเสียศูนย์ไป
  3. ดูตามซอกหรือตะเข็บ – ถ้าจะให้ดีต้องสังเกตตะเข็บของตัวถังและรอยอาร์คหรือจุดที่มีการเชื่อมตัวถังว่าเป็นรอยเดิมที่มาจากโรงงานหรือไม่ แต่ถ้าไม่มีความรู้เรื่องรถอาจจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจเพิ่มเติมสักหน่อย ผมแนะนำว่าเราอาจไปสำรวจรถรุ่นที่เราสนใจในโชว์รูมซึ่งเป็นรถใหม่ แล้วเก็บรายละเอียดซอก ตะเข็บต่างๆ เท่าที่สำคัญ เพื่อมาเปรียบเทียบกันว่า รถมือสองคันนี้ มีอะไรแตกต่างจากรถมือหนึ่งมากน้อยเพียงใด
  4. ตรวจสอบรายละเอียดของรุ่นและปีของรถ – รถหลายๆ รุ่นมีรุ่นย่อยหลายรุ่นและยังมีการเปลี่ยนโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์อีก เพื่อให้ชัวร์ว่ารถคันที่จะซื้อนั้นเป็นรุ่นและปีอะไรกันแน่ ก็คงต้องดูจุดสังเกตุเพิ่มเติม ซึ่งรถแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นก็มีจุดสังเกตไม่เหมือนกัน เช่น บางรุ่นสังเกตได้จากแผ่นเพลตในห้องเครื่องยนต์ บางรุ่นสังเกตจากป้ายหรือเพลตที่หม้อน้ำ บางรุ่นสังเกตจากโคมไฟหน้าหรือไฟท้าย บางรุ่นสังเกตจากป้ายที่เข็มขัดนิรภัย ฯลฯ เราควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่ารุ่นที่ผู้ขายระบุมา ตรงกับรถมือสองคันที่เราตรวจสอบอยู่ และรถแต่ละรุ่นนั้นมีทุนประกันภัยไม่เท่ากัน จึงอาจส่งผลต่อราคาซื้อประกันภัยรถยนต์มือสองได้
  5. ตรวจสอบระบบต่างๆ ที่ติดตั้งเพิ่มเติม – เช่น ถ้ามีการเปลี่ยนเครื่องเสียงใหม่ ที่ไม่ใช่เครื่องเสียงเดิมติดรถ ดูสักหน่อยว่ามีการติดตั้งอะไรเยอะแยะมากมายหรือเปล่า ตลอดจนระบบกันขโมยและอื่นๆ หากมีการติดตั้งอะไรเยอะๆ หากติดตั้งไม่ดี ซึ่งหมายถึงการตัดต่อหรือเดินสายไฟไม่ดี แทนที่จะรู้สึกเหมือนได้ของดีมาแต่อาจส่งผลต่อระบบไฟฟ้าในรถยนต์ได้
  6. รถเดิมๆ (น่าจะ) ดีที่สุด – หากต้องการรถที่มีการตกแต่งมาบ้างควรเป็นการตกแต่งที่อยู่บนพื้นฐานที่ไม่ได้ดัดแปลงสภาพจากรถเดิม เช่น การเปลี่ยนล้อและยาง ก็ควรเป็นการเปลี่ยนขนาดธรรมดาๆ เท่านั้น ไม่ถึงกับมีการปรับเซ็ตระบบช่วงล่างให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม เป็นต้น หากจะแต่งอะไร นำมาตกแต่างด้วยตัวเราเองดีกว่า ในเบื้องต้นควรได้รถที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดแบบเดิมจะดีที่สุด

การบอกถึงแนวทางเป็นเรื่องง่าย แต่การดูรถจริงๆ นั้นยาก อย่างไรเสียก่อนที่จะซื้อควรตดัสินใจก่อนว่าจะซื้อรถรุ่นไหน แล้วหาข้อมูลเฉพาะเจาะจงรถรุ่นนั้นๆ ให้มากๆ เมื่อซื้อรถแล้วอย่าลืมตรวจสอบและทำประกันภัยให้เรียบร้อยโดยบางแห่งนั้นเปิดกว้างในการรับอายุรถถึง 10 ปี ก็สามารถซื้อประกันภัยชั้น 1 ไว้คุ้มครองได้ แต่หากรถมือสองที่มีอายุมากกว่า 10 ปีการซื้อประกันภัยประเภท 2+ หรือ 3+ ดูจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า และสุดท้ายหากรถมือสองมีอายุมากกว่า 15 ปีผมแนะนำว่าซื้อประกันภัยประเภท 3 จะเหมาะสมที่สุดด้วยราคาเพียงพันนิดๆเท่านั้นเอง

ซื้อ-ขาย รถมือสอง

 

Posted in สาระน่ารู้ Tagged: ซื้อ-ขาย รถมือสอง, ซื้อขายรถมือสอง, รถมือสอง, เต็นท์รถมือสองLeave a Comment on 6 วิธีเพื่อเลือกซื้อรถมือสองให้ได้รถดี

หากคุณกำลังมองหา รถมือสองสักคัน เรามี คู่มือซื้อรถมือสอง มาฝาก !! 

Posted on 02/09/2020 by Scarlette

คู่มือซื้อรถมือสอง 

รถเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต ทุกคน ใฝ่ฝันที่จะมีรถยนต์เป็นของตนเองไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถมือสอง ยิ่งในยุคนี้ผู้อ่านคงจะทราบว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำผู้คนรายได้น้อยลงแต่ราคารถใหม่สูงขึ้น รถมือสอง หรือรถใช้แล้ว จึงเป็นทางเลือกของความต้องการที่มากขึ้น

หากคุณกำลังมองหา รถมือสองสักคัน เรามี คู่มือซื้อรถมือสอง มาฝาก !! 

ทั้งนี้เนื่องจากการซื้อรถมือสองนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด รายละเอียดปลีกย่อยมากมายที่ต้องพิจารณาร่วมไปกับการดูรถ เพื่อความไม่ประมาทควรศึกษาข้อมูลและรายละเอียดของรถที่ท่านจะซื้อเพื่อพิจาณาถึงข้อดีและข้อเสียของรถและสิ่งที่ควรคำนึงถึงในเบื้องแรกคือ เรื่องของราคาอะไหล่ว่าแพงไหน อะไหล่หายากหรือไม่ รถที่จะซื้อเป็นรถ ที่นิยมของตลาดมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นแนวทางแรกก่อนที่จะเข้าสู่วิธีการซื้อรถด้วยการตรวจเช็ก อย่างละเอียดต่อไป ธุรกิจรถมือสองในบ้านเราในปัจจุบันมีการเปลี่ยนมือเปลี่ยนเจ้าของปีละประมาณ 700,000-800,000 กว่าคัน และเพิ่มสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการเลือกซื้อรถมือสอง ส่วนใหญ่อยู่ที่ราคาที่ตั้งกันไว้ในตลาดซึ่งจะเป็นราคาที่ผู้ขาย เต็นท์รถ ตั้งเอาไว้ซึ่งรวมราคาค่าซ่อมแซม ค่าลงทุนในการปรับปรุงให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ทันทีราคาจึงอาจสูงอยู่บ้าง แต่อาจไม่บานปลายหากผู้ขายมีความรับผิดชอบที่ดี

อย่างไรก็ดี ผู้ค้ารถมือสองที่มีความซื่อสัตย์ และมีจรรยาบรรณในอาชีพก็มีอยู่บ้าง ในมุมมองของผู้บริโภคแล้ววิธีการในการลดความเสี่ยงจากการซื้อรถมีหนทางในการตรวจเช็กที่ไม่ยากนัก

ดังนั้นข้อเสนอต่อไปนี้เป็นบรรทัดฐานในการดูรถก่อนตัดสินใจ และทดสอบรถคันที่ท่านจะซื้อ ประสบการณ์นั้นไม่จำเป็น ถ้าใช้ความรอบคอบและใจเย็นในการตรวจเช็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุร้ายแรงมาก่อนหน้านี้ ถ้าหากว่าเจ้าของรถซ่อมแซมรถแค่ให้ใช้งานได้เพื่อเอาไว้ขายต่อ ร่องรอยต่างๆ จะเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะถ้าซ่อมกันจริงๆ แล้วราคาค่าซ่อมจะสูงมาก แต่สมัยนี้มีอู่คุณภาพดี ๆ ที่สามารถซ่อมงานที่เสียหายมากๆ ให้ดูดีเหมือนปกติ ด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนและขั้นตอนการซ่อมที่พิถีพิถัน การตรวจเช็กในบางทีก็อาจจะดูไม่ออกเหมือนกัน สิ่งที่เป็นสัญญาณเตือนเป็นอย่างดีอีกข้อก็คือ เอกสารจากเจ้าของมีพิรุธหรือไม่ตรงกัน หรือหากมีการแก้ใข ควรตรวจสอบอย่างละเอียด ถ้าพบข้อสงสัยมากมายในการเรื่องเอกสาร เราขอแนะนำว่าท่านควรเลี่ยงซื้อรถคันดังกล่าว เพราะปัญหาที่มีอยู่ในรถจะเป็นอะไรที่ตัวแทนจำหน่ายจะไม่ยอมรับผิดชอบหลังจากที่ท่านตัดสินใจซื้อไปแล้ว

คู่มือซื้อรถมือสอง และ ข้อแนะนำที่ถูกต้องในการซื้อรถมือสองทั่ว ๆ ไป วิธีตรวจเช็กรถใช้แล้วเฉพาะหลักสำคัญ ๆ แบบง่าย ๆ

ขั้นตอนที่ 1 ตรวจเช็กโครงสร้างก่อนที่ท่านจะซื้อรถมือสอง

ให้ดูสภาพของโครงสร้างภายนอกของตัวรถก่อน จากด้านหน้าไป จรดด้านท้ายรถ สังเกตตามตะเข็บรอยต่อของหลังคา ขอบกระจกหน้า-หลัง จากนั้นเปิดฝากระโปรงหน้าดูที่คานหม้อน้ำทั้งด้านและด้านล่าง ขายึดกันชนที่ต่อเชื่อมมาจากแชสซีส์ ดูตะเข็บรอยต่อภายในห้องเครื่อง ให้สังเกตดูว่ามีร่องรอยของความเสียหายหรือไม่ เพราะรถที่ถูกชนอย่างหนักพวกรอยเชื่อมหลังจากซ่อมมาแล้ว มักจะไม่เหมือนกับที่มาจากโรงงาน อันนี้คงต้องใช้การสังเกตดูหลาย ๆ คันมาเปรียบเทียบกัน และรถที่ถูกชนมาหนักพวกนี้เวลาที่ใช้งานไปนาน ๆ มักจะพบปัญหาตามมา และในบางครั้งศูนย์ของรถอาจจะคลาดเคลื่อนมากจนเกินที่จะแก้ไขได้ด้วย แต่ถ้าหากมีร่องรอยบ้างไม่มากนัก ก็แสดงว่ารถคันนี้มีการซ่อมแซมจากการชนมาบ้างแล้ว แต่ไม่หนักหนา หรือถ้าไม่พบเลยก็จะเป็นอันดีที่สุด

การดูด้านหลังก็ให้ดูเหมือนด้านหน้า แต่โครงสร้างส่วนหลังนี้มีความสำคัญน้อยกว่าส่วนหน้า ถ้าจะให้เปรียบเทียบโครงสร้างของรถกับโครงสร้าง ของคน ก็คงจะเปรียบได้กับกระดูกที่เป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ร่างกายของเราสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เช่น ถ้าเขาเกิดอุบัติเหตุขาหัก ก็จะทำให้เดินกะเผลกเสียศูนย์ เดินแล้วไม่ปกติ เป็น ต้น ซึ่งก็เหมือนกับรถยนต์ หากเสียศูนย์ จนไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว เมื่อเบรกอย่างกะทันหันรถก็อาจหมุนได้ หรือขณะขับขี่ผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังรถก็อาจลื่นไถลได้ง่ายแม้จะไม่ได้เบรกก็ตาม

โครงสร้างของรถยนต์นั้นหลายส่วนสามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ และก็มีบางส่วนที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ หรือถ้าจะเปลี่ยนก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากสลับซ้บซ้อนมากจนไม่มีใครนิยมทำกัน อย่างบังโคลนหน้า ฝาประโปรง ประตู สามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่แทนได้ในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุมา ส่วนแก้มหลังที่ต่อกับเสาหลังรถหรือเฟรมตัวถังกับเสาประตู เป็นชิ้นส่วนที่ไม่นิยม เปลี่ยนกัน ด้วยขั้นตอนความยุ่งยากและความแข็งแรงของส่วนนั้นที่จะลดลงหลังจากทำการซ่อมไปแล้ว จึงไม่เป็นที่นิยมของอู่ซ่อมจนพอจะเรียกได้ว่าเป็นชิ้นส่วนที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ จึงควรจะต้องดูที่บริเวณนี้ให้ดี

ขั้นตอนที่ 2 ตรวจเช็กสภาพตัวถังภายนอกและสีรถ      

ลำดับถัดมาเป็นเรื่องของสภาพตัวถังภาย นอก ให้ดูว่าสภาพของสีรอบๆ ตัวรถว่ามีการบวมปูดของสีหรือสีซีดด่าง ผุเป็นสนิม มากน้อยแค่ไหน เพราะการทำสีนั้นแต่ละส่วน แต่ละบริเวณนั้นเช่น บังโคลน ค่าทำสีชิ้นละ 2 000-3 000 บาท ถ้าต้องทำสีมากหลาย ๆ จุดคำนวณดูแล้วค่าทำสีจะสูงมาก ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

ขั้นตอนที่ 3 ตรวจเช็กเครื่องยนต์    

คราวนี้ก็ว่าด้วยเรื่องเครื่องยนต์กลไกต่างๆ แม้ว่าในปัจจุบันนี้รถญี่ปุ่นจะมีเครื่องใช้แล้วจาก ญี่ปุ่นเข้ามาจำหน่ายมากมายและหาง่ายก็ตาม แต่ราคาของเครื่องยนต์ก็เป็นเรือนพันเรือนหมื่นจึง ควรตรวจเช็กอย่างรอบคอบ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็น จากนั้นเมื่อสตาร์ทเครื่องแล้ว ให้ดูว่าเครื่องยนต์เดินเรียบหรือไม่และให้ฟังดูว่ามีเสียงอะไรผิดปกติหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน มีเสียงดังแต็ก แต็ก ของวาล์วหรือไม่ หรือเสียงดังกั๊ก ๆ ที่เกิดจากแคมชาฟท์หรือเพลาข้อเหวี่ยง สลักลูกสูบหรือไม่ ถ้ามีก็แสดงว่าเครื่องยนต์มีปัญหาใหญ่แน่ ๆ ต่อมาให้ลองฟังดูว่ามีเสียงของลูกปืนไดชาร์จไดสตาร์ทด้วย         จากการฟังก็มาถึงการใช้วิธีดมกลิ่นที่ท่อไอเสียดูถ้ามีกลิ่นไม่ฉุนมากนักก็แสดงว่าเผาไหม้ได้ หมด แต่ถ้ามีกลิ่นฉุนรุนแรงหรือมีควันสีดำออกมาเวลาเร่งเครื่องก็แสดงว่าเผาไหม้ไม่หมดเครื่อง ยนต์ไม่สมบูรณ์ และรถคันนั้นจะกินน้ำมันมากกว่าปกติอีกด้วย หรือถ้าเป็นควันดำสีขาวไหลออก ทางปลายท่อ ยิ่งมีปริมาณมากเท่าไร ก็ยิ่งแสดงว่าเครื่องหลวมมากเท่านั้น

ขั้นตอนที่ 4 ตรวจเช็กระบบแอร์    

ตรวจเช็กตู้แอร์ดูว่ามีเสียงของพัดลมดังผิดปกติหรือไม่เสียงของคอมแอร์ดังขึ้นมาไหม ซึ่งทดลองได้ไม่ยากนัก แค่ปิด-เปิดแอร์ แล้วฟังเสียงดู ถ้ามีเสียงดังตอนเปิด และเงียบลงตอนปิด ก็แสดงว่าคอมแอร์เริ่มมีปัญหาแล้วล่ะ

ขั้นตอนที่ 5 ตรวจเช็กระบบเกียร์    

สำหรับระบบเกียร์นั้นมีวิธีการตรวจเช็กแบบง่ายๆ รถจอดอยู่กับที่ก็สามารถตรวจได้ ถ้าเป็น เกียร์อัตโนมัติให้ลองเข้าเกียร์ D ดูว่ามีการกระตุกที่รุนแรงไหม โดยใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกเอาไว้แล้วใช้เท้าขวาเหยียบคันเร่งลงไปเรื่อยๆ ถ้ารอบอยู่ที่ประมาณ 2 000 รอบ นาที ก็ถือว่าใช้ได้ แต่ถ้ารอบเลยขึ้นไปถึง 2 500-3 000 รอบขึ้นไป ก็แสดงว่าชุดคลัตช์เริ่มลื่นแล้วซึ่งค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมนั้นสูงมาก ตั้งแต่ 20 000 ถึง หลักแสนแล้วแต่อาการ เกียร์ธรรมก็เช่นกัน ให้ติดเครื่องและเข้าเกียร์หนึ่งโดยใช้เท้าขวาเหยียบเบรกเอาไว้และค่อยๆ ปล่อยคลัตช์ดู ถ้าเครื่องดับแสดงว่าคลัตช์ยังดีอยู่แต่ถ้าเครื่องยังไม่ดับก็เป็นอันว่าชุดคลัตช์กลับบ้านไปแล้ว

ขั้นตอนที่ 6 การตรวจเช็กสภาพห้องโดยสาร

การตรวจสอบภายในห้องโดยสารให้ตรวจเช็กอย่างละเอียดว่าระบบไฟฟ้าทั้งหลาย ระบบไฟสัญญาณต่างๆ บนหน้าปัดขณะที่บิดกุญแจไปยังตำแหน่ง ON สัญญาณเครื่องหมายต่าง ๆบน หน้าปัดจะต้องมีโชว์ขึ้นมาทั้งหมด         เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติดแล้วไฟต่าง ๆ เหล่านี้จะต้องดับหมด ซึ่งถ้าดวงไหนยังไม่ดับแสดงว่า ระบบนั้นต้องมีปัญหา เช่น ไฟ ABS ถ้าติดอยู่แสดงว่าระบบ ABS มีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งแน่ และอาจจะต้องเสียเงินค่าซ่อมเป็นเงินหลายตังค์แน่ๆ หรือถ้าไฟ AIR BAG ติดอยู่แสดงว่าระบบ ถุงลมนิรภัยมีปัญหาแน่ส่วนในบางทีถ้าบิดสวิตช์กุญแจแล้วไฟสัญญาณบางดวงไม่โชว์ทั้งที่มีระบบนั้น ก็แสดงว่า มีการถอดหลอดออกเพื่อไม่ให้ไฟโชว์ แบบนี้ให้ระวังให้ดีและอีกอย่างสำหรับรถรุ่นใหม่ๆ ก็อย่าลืมตรวจเช็กกระจกไฟฟ้า สวิตช์ไฟระบบไฟส่องสว่าง ต่างๆ ว่าทำงานหรือไม่ ระบบเครื่องเสียงยังคงใช้ได้อยู่ไหมไม่ใช่มีไว้แค่ประดับรถให้เจ้าของที่จะซื้อเอาไว้ดูเล่นตรวจเบาะนั่งทุกตัวต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมทั้งดูอุปกรณ์อื่นๆ ประกอบด้วย ขั้นตอนสุดท้ายลองขับด้วยตัวเอง

การทดสอบขับบนถนนที่มีสภาพถนนต่างๆ หลายๆ แบบจะยิ่งช่วยให้การตรวจสอบนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วงที่ทดลองขับให้พยายามฟังเสียงเครื่องยนต์ดูว่ามีอะไรผิดปกติไหม เข็มวัดอุณหภูมิความร้อนของเครื่องอยู่ในระดับปกติหรือไม่ จับอาการการทำงานของเกียร์ ซึ่งถ้าเป็นเกียร์ อัตโนมัติให้สังเกตดูว่าเกียร์เปลี่ยนครบทุกเกียร์ไหม มีการเปลี่ยนเกียร์ ที่ต่อเนี่องและนิ่มนวลหรือไม่ กระตุกมากเกินไปไหม และอย่าลืมสังเกตอีกนิดว่าเกียร์ตอบสนองทันใจไหม เพราะถ้าเร่งเครื่องแล้วรอบขึ้นไปมากแต่รถไม่ค่อยไปก็แสดงว่าชุดคลัตช์ในเกียร์นั้นคงมีปัญาหแล้วแน่ ๆ

ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาก็ให้ลองเปลี่ยนเกียร์ดูให้ครบทุกเกียร์จะได้รู้ว่าเกียร์มีปัญหาไหม ถ้าหากมีเสียงดัง แก๊ก แก๊ก ขึ้นมา ตอนเปลี่ยนเกียร์ทั้งที่เหยียบคลัตช์สุดแล้วแสดงว่าชุดซินโครเมช เกียร์นั้นชำรุดแล้ว หรือเข้าเกียร์ยากก็อาจจะเกิดจากผ้าคลัตช์หมดหากเป็นไปได้ก็ให้คนที่ไปด้วยช่วยฟังดูด้วยว่าเกียร์ เฟืองท้าย ในกรณีที่เป็นรถขับหลัง ลูกปืนล้อมีเสียงดังผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีนั่นก็จะเป็นสัญญาณเตือนว่าถ้าคุณซื้อรถคันนี้ไป อีกไม่นานคุณอาจจะต้องเสียงตังค์ซ่อม มันแน่ และยิ่งดังมากเท่าไรคุณก็อาจจะต้องเสียตังค์เร็วขึ้นเท่านั้น

เวลาวิ่งบนถนนที่ขรุขระ ให้สังเกตด้วยว่ามีเสียงผิดปกติของช่วงล่างไหม การบังคับเลี้ยวเป็นอย่างไร รถวิ่งเอียงหรือเฉไปเฉมาไหม หรือเบรกไม่อยู่ และลองเหยียบเบรกดูด้วยว่ามันอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ ไม่ใช่วิ่งๆ ไปพอเบรกทีรถแฉลบลงข้างทางไปเลยและรถขับเคลื่อน ล้อหน้าให้ทดสอบเพลาขับหน้าด้วยโดยหักเลี้ยวซ้ายสุด ขวาสุดว่ามีเสียงดัง แกร็กๆ เวลาออก ตัวหรือไม่ ถ้าเสียงดังแสดงว่า เพลาขับหน้าชำรุดแล้ว

สุดท้ายให้ดูสภาพของยางที่ติดอยู่กับรถว่า มีการสึกหรอเพียงใด โดยสามารถสังเกตได้อย่าง ง่ายๆ คือให้ลองเอาเล็บจิกไปที่ดอกยาง ถ้ายางแข็งมากจนเล็บจิกไม่เป็นรอย หรือเวลาที่วิ่งแล้วมีเสียงของยางกระทบพื้นถนนที่ดังมากก็แสดงว่ายางนั้นเสื่อมสภาพแล้ว แต่ต้องแยกให้ออกด้วย ว่าเป็นเสียงยางหรือเสียงลูกปืนล้อกันแน่ ถ้ายางนั้นสึกไม่เท่ากันทั้งหน้ายางก็แสดงว่าศูนย์ล้อนั้นมีปัญหาแล้วเรื่องของศูนย์ล้อก็ต้องระวังเอาไว้ด้วย เพราะถ้าแค่ศูนย์ล้อคลาดเคลื่อนธรรมดานั้นสามารถแก้ไขได้ แต่ถ้าเคลื่อนจนไม่สามารถตั้งได้แสดงว่ารถคันนี้ต้องประสบอุบัติเหตุมาแน่นอน         ทั้งหมดนี้เป็นการดูรถยนต์มือสองอย่างละเอียดพอสมควร ซึ่งเวลาปฏิบัติจริงคงไม่สามารถทำได้ทุกข้อ แต่ถ้าไม่สนใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โอกาสจะผิดพลาดและผิดหวังก็เกิดขึ้นได้ง่ายเช่นกัน อย่างไรก็ดีขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและความพอใจของผู้ซื้อว่าราคากับคุณภาพเหมาะสมกันแค่ไหน ในบางครั้งจ่ายแพงกว่าอีกนิด แต่หลายๆ สิ่งครบสมบูรณ์กว่าอาจจะดีกว่าจ่ายน้อยแต่ต้องมานั่งซ่อมบานปลายกันในภายหลัง

ติดต่อซื้อ-ขาย รถมือสอง

 

Posted in สาระน่ารู้ Tagged: ซื้อ-ขาย รถมือสอง, ซื้อขายรถมือสอง, รถมือสองLeave a Comment on หากคุณกำลังมองหา รถมือสองสักคัน เรามี คู่มือซื้อรถมือสอง มาฝาก !! 

ดาวพุธ (Mercury) ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด !!

Posted on 27/08/2020 by Scarlette

ดาวพุธ เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุดในดาวเคราะห์ชั้นใน หรือใหญ่เป็นอันดับแปดในระบบสุริยะ ดาวพุธโคจรรอบดวงอาทิตย์เร็วที่สุดด้วยเวลา 88 วัน

ดาวพุธ (Mercury) ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด !!

ตามตำนานโรมัน Mercury เป็นเทพแห่งการค้า และ การเดินทาง ซึ่งชาวกรีกเรียกว่า Hermes เป็นเทพแห่งการส่งสารของพระเจ้า เหตุที่ดาวเคราะห์ดวงนี้ได้ชื่อนี้อาจเพราะการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วข้ามท้องฟ้า

ดาวพุธเป็นที่รู้จักตั้งแต่สมัย Summerians (3rd millennium BC) โดยชนชาวกรีกเรียกว่า Apolla เมื่อดาวปรากฏตอนใกล้รุ่งเช้า และ เรียกว่า Hemmes ตอนที่ดาวปรากฏในตอนค่ำ ซึ่งนักดาราศาสตร์ชาวกรีกก็ทราบว่าชื่อทั้งสองเป็นชื่อเรียกของดาวดวงเดียวกัน

ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ดวงลำดับแรกในระบบสุริยะ (Solar system) คือเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ดาวพุธเป็นดาวที่สว่างมากเมื่อมองจากโลกแต่ว่าสามารถสังเกตเห็นได้ยากเนื่องจากดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากคือมีระยะห่างเชิงมุม (มองจากโลก) ไม่เกิน 28 องศา เราสามารถสังเกตเห็นดาวพุธได้เพียงไม่กี่วันใน 1 เดือน ซึ่งจะสังเกตเห็นดาวพุธได้ในช่วงหัวค่ำ(หลังจากดวงอาทิตย์ตกดิน)หรือตอนเช้ามืด(ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น)

ดาวพุธมีพื้นผิวที่คล้ายกับพื้นผิวของดวงจันทร์คือมีผิวขรุขระเนื่องจากจากการชนของหลุมอุกกาบาต โดยดาวพุธจะไม่มีดาวบริวาร แกนกลางของดาวพุธประกอบด้วยโลหะอยู่จำนวนมากทำให้มีสนามแม่เหล็กบนดาวพุธประมาณ 1 % ของโลก อุณหภูมิบนพื้นผิวมีความแตกต่างกันมากคืออาจร้อนสุดได้ถึง 427 องศาเซลเซียส และเย็นที่สุดได้ถึง –183 องศาเซลเซียส

วงโคจรของดาวพุธที่เป็นวงรี มีระยะใกล้สุดถึงดวงอาทิตย์ประมาณ 46 ล้านกิโลเมตรและไกลสุดประมาณ 70 ล้านกิโลเมตร ในขณะที่ดาวพุธอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ดวงอาทาตย์มากที่สุดจะเดินทางช้ามาก ในศตวรรษที่ 19 นักดาราศาสตร์ได้พยายามสังเกตวงโคจรของดาวพุธอย่างละเอียดแต่ก็ยังไม่สามารถใช้หลักการทางกลศาสตร์ของนิวตัน (Newtonian mechanics) มาอธิบายได้ ความแตกต่างระหว่างค่าที่สังเกตได้และค่าที่คำนวณได้เป็นที่ถกเถียงกันอยู่นาน โดยนักดาราศาสตร์บางส่วนเชื่อว่า อาจมีดาวเคราะห์ดวงอื่น (ชื่อว่า Vulcan) โคจรอยู่ใกล้ดาวพุธที่เป็นสาเหตุให้ค่าวงโคจรที่ได้จากการคำนวณผิดพลาดไปจากความเป็นจริง แต่มาในระยะหลังได้มีการนำเอา ทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ (Einstein’s General Theory of Relativity) มาใช้อธิบายได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ทำให้ทฤษฎีดังกล่าวเป็นที่ยอมรับ

เคยมีความเชื่อว่า ดาวพุธหันพื้นผิวเพียงด้านเดียวเข้าหาดวงอาทิตย์เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับดวงจันทร์ที่หันพื้นผิวด้านเดียวเข้าหาโลก จนกระทั่งในปี 1965 จากการสังเกตโดยคลื่นวิทยุ จึงได้พบว่า ดาวพุธหมุนรอบตัวเอง 3 รอบใน 2 ปีของดาวพุธ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวในระบบสุริยะที่มีอัตราส่วนของวงโคจรต่อการหมุนรอบตัวเองมากกว่า 1:1

ดาวพุธหมุนรอบตัวเองใช้เวลา 59 วัน(ของโลก) ในขณะที่ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ 88 วัน(ของโลก) คือมีอัตราส่วนระหว่างการหมุนรอบตัวเองกับการโคจรรอบดวงอาทิตย์ประมาณ 3:2 หมายถึงดาวพุธหมุนรอบตัวเอง 3 รอบจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ได้ประมาณ 2 รอบ(ดังรูป) ทำให้ดาวพุธหันด้านเดิมเข้าหาดวงอาทิตย์ทุกๆการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 2 รอบ จึงทำให้เวลา 1 วัน(ของดาวพุธ) คือนับตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นถึงดวงอาทิตย์ขึ้นบนดาวพุธ มีเวลาเท่ากับ 2 ปี(ของดาวพุธ)

วงโคจรของดาวพุธเป็นวงโคจรที่มีความรีมากที่สุดของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ(ถ้าไม่นับดาวพลูโตที่เป็นดาวเคราะห์แคระ) คือมีจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด(perihelion) 46 ล้านกิโลเมตร และจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุด(aphelion) 70 ล้านกิโลเมตร นั่นหมายความว่า ถ้าไปอยู่บนดาวพุธจะเห็นดวงอาทิตย์มีขนาดเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก โดยเมื่ออยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดจะเห็นดวงอาทิตย์ใหญ่เป็น 2 เท่าครึ่งของเมื่ออยู่ไกลดวงอาทิตย์ที่สุด ซึ่งโตประมาณ 4 เท่าของที่เห็นจากโลก ระนาบการโคจรกับระนาบของเส้นผ่านศูนย์กลางดาวพุธเกือบเป็นระนาบเดียวกันนั่นหมายความว่าบนดาวพุธจะไม่มีฤดูกาล และจะมีผิวดาวพุธบางส่วนที่ใกล้กับขั้วโลกจะไม่โดนแสงอาทิตย์เลยทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลา

ดาวพุธมีลักษณะหลายอย่างที่คล้ายกับดวงจันทร์ มีพื้นผิวขรุขระที่เต็มไปด้วยหลุมอุกาบาตและมีอายุที่เก่าแก่ แต่ไม่พบลักษณะของการเกิดเพลตเทคโทนิคส์ (plate tectonics)

ดาวพุธ (Mercury) ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด !!

ดาวพุธมีความหนาแน่นมากเป็นอันดับสองรองจากโลก ประมาณ 5.44 กรัมต่อลูกบาศก์เซ็นติเมตร แต่โดยความเป็นจริงแล้ว ความหนาแน่นของโลกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแรงดึงดูดของโลก ซึ่งถ้าไม่มีแรงดังกล่าว ดาวพุธจะมีความหนาแน่นมากกว่าโลก จากหลักฐานดังกล่าวทำให้เชื่อว่า แกนกลางของดาวพุธประกอบด้วยเหล็กที่มีขนาดใหญ่กว่าแกนกลางของโลก ซึ่งอาจจะเป็นส่วนประกอบหลักของดาวพุธ ดังนั้นดาวพุธจึงมีเนื้อและเปลือกเป็นชั้นบางๆของพวกซิลิเกต

แกนกลางของดาวพุธมีรัศมีประมาณ 1800 ถึง 1900 กิโลเมตร และชั้นเปลือกชั้นนอกมีความหนาประมาณ 500 ถึง 600 กิโลเมตร และบางส่วนของแกนกลางยังหลอมอยู่

ดาวพุธมีชั้นบรรยากาศบางๆ ซึ่งได้จากการระเบิดของพื้นผิวโดยลมสุริยะ แต่เนื่องจากดาวพุธมีอุณหภูมิที่สูง บรรยากาศจึงหนีออกสู่อวกาศได้ง่าย ซึ่งแตกต่างไปจากบรรยากาศของโลกและดาวศุกร์ที่คงที่ไม่หนีออกสู่บรรยากาศ ดังนั้นบรรยากาศของดาวพุธจึงเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา

พื้นผิวของดาวพุธมีหน้าผาสูงชันเป็นรูปโค้ง ยาวหลายร้อยกิโลเมตรและอาจสูงถึง 3 กิโลเมตร บางส่วนของหน้าผาตัดเข้าไปในหลุมอุกาบาต ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีแรงบีบอัดมากระทำ

ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดในระบบสุริยะ มีพื้นผิวที่เป็นหินคล้ายกับโลก โดยดาวพุธมีส่วนประกอบโดยรวมเป็นโลหะประมาณ 70 เปอร์เซนต์(โดยน้ำหนัก) และซิลิเกต (Silicate) ประมาณ 30 เปอร์เซนต์ แกนกลางของดาวพุธมีขนาดใหญ่คือมีรัศมีถึง 1800 กิโลเมตร(ประมาณ 75 เปอร์เซนต์ของรัศมีดาวพุธ) ประกอบด้วยโลหะเป็นส่วนมาก ล้อมรอบด้วยแมนเทิล(ที่ประกอบด้วยซิลิเกตเป็นหลัก)หนา 600 กิโลเมตร และมีเปลือกที่ประกอบด้วยซิลิเกตเป็นส่วนใหญ่ หนาประมาณ 100-300 กิโลเมตร

ลักษณะสำคัญที่พบบนพื้นผิวของดาวพุธ เป็นหลุมอุกาบาตขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Caloris Basin ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1,300 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะคล้ายกับหลุมอุกาบาตขนาดใหญ่ที่พบบนดวงจันทร์ ที่เกิดจากการชนของอุกาบาตขนาดใหญ่ที่มีขนาดประมาณ 100 กิโลเมตร และยังพบหลุมอุกาบาตขนาดต่างๆอีกมากมาย ทั้งที่เกิดขึ้นใหม่ที่แสดงขอบหลุมเห็นได้เด่นชัด และหลุมอุกาบาตเก่าแก่ที่ขอบหลุมราบเรียบขึ้นอันเนื่องจากการชนของอุกาบาตในระยะต่อๆมา นอกจากหลุมอุกาบาตที่กระจายอยู่ทั่วไปแล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบที่คาดว่าเกิดการระเบิดของภูเขาไฟในอดีตและมีลาวาไหลแผ่ออกมาปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง และบางบริเวณพบการสะสมตัวของหิน (ejecta) ที่ได้จากการชนของอุกาบาต

จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากยาน Marinar พบหลักฐานที่แสดงว่ายังมีปรากฏการณ์ทางภูเขาไฟอยู่ แต่อาจต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกเพื่อยืนยันความถูกต้อง

จากการสังเกตโดยใช้คลื่นวิทยุในบริเวณขั้วเหนือ แสดงหลักฐานที่อาจมีน้ำแข็ง ซึ่งเนื่องจากว่าแกนหมุนรองตัวเองของดาวพุธเกือบตั้งฉากกับระนาบของวงโคจร ทำให้บริเวณที่เป็นขั้วเหนือเห็นดวงอาทิตย์เฉพาะบริเวณขอบฟ้าเท่านั้น ในหลุมอุกาบาตอาจไม่โดนแสงอาทิตย์ส่องถึงเลยและอาจมีอุณหภูมิต่ำถึง –161 OC ซึ่งต่ำพอที่จะเก็บรักษาไม่ให้น้ำแข็งระเหยเป็นไอออกสู่บรรยากาศ หรือน้ำแข็งนี้อาจได้จากการชนของดาวหางดาวพุธมีสนามแม่เหล็กอย่างอ่อน มีความเข้มประมาณ 1 %ของสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดชั้น magetosphere รอบดาวพุธ แกนของสนามแม่เหล็กวางตัวทำมุมประมาณ 7 องศากับแกนหมุนของดาวพุธ การที่ดาวพุธมีค่าความเข้มสนามแม่เหล็กที่ต่ำอาจเนื่องจากดาวพุธมีขนาดเล็กและมีแกนกลางซึ่งส่วนใหญ่เป็นของแข็ง และการที่ยังพบสนามแม่เหล็กบนดาวพุธ อาจเป็นการแสดงให้เห็นว่าแกนกลางของดาวพุธเป็นเหล็กและอาจหลอมเหลวเพียงเล็กน้อย หรืออาจเนื่องจากสภาพแม่เหล็กคงค้าง (remnant magnetization) ที่ยังเหลืออยู่ในหินซึ่งเกิดในขณะที่ดาวพุธยังมีสนามแม่เหล็กความเข้มสูงตอนที่ดาวพุธยังมีอายุน้อย

ดาวพุธ (Mercury) ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด !!

ชั้นบรรยากาศของดาวพุธมีความเบาบางมากและก็ไม่เสถียรนัก เนื่องจากดาวพุธมีมวลน้อยมากจึงทำให้มีแรงดึงดูดไม่เพียงพอที่จะยึดชั้นบรรยากาศไว้ได้นาน ชั้นบรรยากาศของดาวพุธประกอบไปด้วยแก๊สออกซิเจน ไฮโดรเจน โซเดียม ฮีเลียม โพแทสเซียม และแคลเซียม โดยไฮโดรเจนและฮีเลียมนั้นได้มาจากลมสุริยะ ส่วนแก๊สอื่นๆเกิดขึ้นบนดาวพุธเอง สำหรับด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์อากาศบนดาวพุธจะร้อนมากทำให้แก๊สเบาอย่างเช่นฮีเลียมมีพลังงานสูงสามารถหลุดออกไปนอกอวกาศได้ ส่วนด้านมืดของดาวพุธที่หนาวเย็นนั้นชั้นบรรยากาศจะมีความหนาแน่นมากกว่าเนื่องจากโมเลกุลของแก๊สมีพลังงานไม่เพียงพอที่จะหลุดออกสู่อวกาศได้
ดาวพุธไม่มีดาวบริวาร

บนท้องฟ้าที่มองจากพื้นโลก ดาวพุธ สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เนื่องจากดาวพุธมักอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์จึงอาจสังเกตเห็นได้ยากโดยเฉพาะในขณะพลบค่ำหรือตอนใกล้รุ่งซึ่งเป็นช่วงที่ดาวพุธอยู่บริเวณขอบฟ้า

อ่านต่อ

Posted in สาระน่ารู้ Tagged: ดวงดาว, ดาวLeave a Comment on ดาวพุธ (Mercury) ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด !!

เครื่องเบญจรงค์ งานหัตถศิลปล้ำค่า ที่มีความสวยงามแสดงถึงวิถีวัฒนธรรม !!

Posted on 20/08/2020 by Scarlette

เครื่องเบญจรงค์ เป็นงานหัตถศิลปล้ำค่า ที่มีความสวยงามแสดงถึงวิถีวัฒนธรรม รสนิยม และเอกลักษณ์ของไทย รัฐบาลจึงเลือกนำมาเป็นภาชนะสำหรับจัดเลี้ยงอาหารค่ำ ต้อนรับผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจภูมิภาคเอเซีย และแปซิฟิค (เอเปค 2003) ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯระหว่างวันที่ 20 – 21 ตุลาคม (พ.ศ. 2546) นี้ นอกจากนี้ยังจัดทำเป็นของที่ระลึกเพื่อมอบให้กับผู้นำประเทศต่าง ๆ อีกด้วย

เครื่องเบญจรงค์ มีการผลิตขึ้นครั้งแรกเมื่อใด ไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัด แต่สันนิษฐานจากการขุดพบที่พระนครศรีอยุธยา และจากลักษณะของลวดลาย สี เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเครื่องถ้วยจีน และบางชิ้นที่มีเครื่องหมายบอกรัชกาล เชื่อว่ามีการสั่งทำเครื่องเบญจรงค์จากประเทศจีนมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยช่างคนไทยจะเป็นผู้วาดลวดลาย และเขียนสี ส่งไปผลิตในจีน ดังนั้นลักษณะของเครื่องเบญจรงค์จึงมีความงดงามอย่างไทย ยิ่งกว่าเครื่องปั้นดินเผาประเภทอื่นๆ แม้แต่เครื่องสังคโลกซึ่งเป็นของไทย ผลิตในประเทศไทย ก็ยังไม่แสดงเอกลักษณ์ไทยอย่างเครื่องเบญจรงค์

ภาชนะที่ผลิตจากเบญจรงค์มีหลายประเภท ได้แก่ ชาม จาน โถ จานเชิง ชามเชิง ช้อน กระโถน กาน้ำ ชุดถ้วยชา ฯลฯ การใช้สีบนเครื่องเบญจรงค์ นิยมใช้ห้าสี แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีตั้งแต่ สี่สี ไปจนถึงเจ็ดแปดสีก็มี สีหลักที่ใช้ได้แก่ แดง เหลือง ขาว ดำ เขียว หรือน้ำเงิน สีอื่นได้แก่ ชมพู ม่วง แสด น้ำตาล

ในสมัยก่อนมีการสั่งทำเครื่องเบญจรงค์สำหรับใช้ในราชสำนัก วังเจ้านาย และบ้านขุนนางชั้นสูง แต่ปัจจุบัน (พ.ศ. 2546) เครื่องเบญจรงค์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั้งยุโรป และเอเซีย สร้างชื่อเสียงและทำรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมากมาย ลวดลายที่เขียนบนเครื่องเบญจรงค์ เป็นลายโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ได้แก่ ลายเทพพนมนรสิงห์ ลายบัวเจ็ดสี ลายประจำยาม ลายเบญจมาศ ลายวิชาเยนท์ ฯลฯ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มีลายที่นิยมเพิ่มขึ้นได้แก่ ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ลายนกไม้พญาสิงขร ลายกุหลาบทอง ฯลฯ

สำหรับเบญจรงค์ที่มอบให้กับผู้นำเอเปคครั้งนี้ มีทั้งหมด 6 ชิ้น โดยร้านปิ่นสุวรรณเบญจรงค์ ซึ่งเป็นร้านเบญจรงค์เก่าแก่ที่อนุรักษ์ลายโบราณ ตั้งอยู่ที่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำ ช่างของร้านได้เลือกลายวิชาเยนท์เขียน ลงบนเบญจรงค์ชุดดังกล่าว ซึ่งเป็นลวดลายที่มีความโดดเด่นในการผูกลาย ผสมผสานความเป็นตะวันตก และตะวันออกได้อย่างลงตัว อีกทั้งสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาไทย

ความพิเศษของเบญจรงค์ชุดนี้ อยู่ที่เป็นงานฝีมือ หรือที่เรียกว่า หัตถกรรมล้วน ๆ ในกรรมวิธีลงลายน้ำทอง และยังใช้น้ำทองคำจริง 22 กะรัตนำเข้าจากประเทศเยอรมนี ช่วยเพิ่มความงดงามล้ำค่าให้กับเครื่องเบญจรงค์ดังกล่าวยิ่งขึ้น เป็นที่น่าภูมิใจที่ไทยเรามีหัตถศิลปอันงดงาม ซึ่งนอกจากจะสามารถสร้างความประทับใจแก่ชาวต่างชาติที่ได้พบเห็นแล้ว ยังได้เผยแพร่ความเป็นไทยให้คนทั่วโลกได้ประจักษ์อีกด้วย

เครื่องเบญจรงค์ งานหัตถศิลปล้ำค่า ที่มีความสวยงามแสดงถึงวิถีวัฒนธรรม !!

อ่านต่อ

 

Posted in สาระน่ารู้ Tagged: ประวัติศาสตร์, สาระน่ารู้Leave a Comment on เครื่องเบญจรงค์ งานหัตถศิลปล้ำค่า ที่มีความสวยงามแสดงถึงวิถีวัฒนธรรม !!

มาทำความเข้าใจและ รู้จักกับ ภาคใต้ในอดีต !! กันเถอะ

Posted on 18/08/2020 by Scarlette

ภาคใต้ ในอดีต !!

ภาคใต้ ซึ่งอยู่ในดินแดนแหลมมลายู เป็นถิ่นที่มีมนุษย์อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ดังปรากฏหลักฐานเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ของสมัยนั้น และภาพเขียนสีตามถ้ำหลายแห่ง มนุษย์ในสมัยโบราณที่ยังคงสืบเผ่าพันธุ์มาจนทุกวันนี้ ได้แก่ พวกเซมัง และซาไก

มาทำความเข้าใจและ รู้จักกับ ภาคใต้ ในอดีต !! กันเถอะ - สาระน่ารู้

ยุคต่อมามีหลักฐานทางโบราณคดีว่า มนุษย์ในดินแดนแถบนี้มีความเจริญรุ่งเรืองอยู่กันเป็นชุมชน มีอารยธรรมเป็นของตนเองมาก่อน ตามคัมภีร์ของอินเดียกล่าวถึงสุวรรณทวีป และสุวรรณภูมิว่ามีมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาล และต่อมาในสมัยต้นพุทธกาลก็กล่าวถึงการติดต่อระหว่างดินแดนในย่านเอเชียอาคเนย์กับอินเดีย รวมถึงทางภาคใต้ของไทยด้วย อินเดียมาติดต่อค้าขายและเผยแพร่อารยธรรมในภูมิภาคนี้ก่อนชนชาติอื่น เช่น เผยแพร่ศาสนาฮินดู พุทธศาสนา ขนบประเพณีพราหมณ์ การปกครอง และประเพณีในราชสำนัก รวมทั้งศิลปกรรมต่าง ๆ

ต่อมาราวพุทธศตวรรษที่ 5-6 จีนเริ่มมาติดต่อค้าขายกับเอเชียอาคเนย์ สมัยอาณาจักรฟูนัน ซึ่งมีความเจริญรุ่งเรือง ราวพุทธศตวรรษที่ 6-10 มีศูนย์กลางอาณาจักรอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มปากแม่น้ำโขง หรือบริเวณประเทศกัมพูชา และตอนใต้ของเวียตนามในปัจจุบัน ฟูนันมีอำนาจปกครองภาคใต้ไปตลอดแหลมมลายู แหลมมลายูในขณะนั้นมีแคว้นต่าง ๆ ที่สำคัญ ซึ่งปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุจีนคือ แคว้นตักโกละ แคว้นลังกาสุกะ แคว้นพานพาน และแคว้นตามพรลึงค์

ในราวปี พ.ศ. 1170 อาณาจักรฟูนันเสื่อมอำนาจลงตกอยู่ภายใต้อาณาจักรเจนละ แคว้นต่างๆ รวมทั้งในแหลมมลายูที่เคยอยู่ใต้อำนาจการปกครองของฟูนันได้เป็นอิสระ และมีบทบาทมากขึ้น อาณาจักรทวาราวดี ซึ่งอยู่ทางภาคกลางของประเทศไทยก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้นเช่นกัน

แคว้นตักโกละ เป็นเมืองค้าขายตั้งอยู่บนฝั่งทะเลตะวันตกของแหลมมลายู เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่พ่อค้าอินเดีย อาหรับ และจีนโบราณ ซึ่งมาเดินเรือค้าขายอยู่ในแถบนี้ เชื่อกันว่าเมืองนี้อยู่ที่ตะกั่วป่า (นักวิชาการบางท่านว่าน่าจะอยู่ที่ท่าเรือของจังหวัดตรัง คือแถบอำเภอปะเหลียน อำเภอกันตรังปัจจุบัน)

แคว้นลังกาสุกะ ก่อตั้งมาแต่โบราณอยู่ภายใต้อิทธิพลของฟูนันเป็นเวลานาน นักวิชาการส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอ่าวไทย คือบริเวณจังหวัดปัตตานีปัจจุบัน

แคว้นพานพาน อยู่เหนือลังกาสุกะคือบริเวณอ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานีปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางถ่ายทอดวัฒนธรรมอินเดียไปยังทวาราวดีด้วย ต่อมาในปี พ.ศ. 1100 จึงย้ายไปตั้งเมืองใหม่ ที่ตามพรลึงค์

แคว้นตามพรลึงค์ ตั้งอยู่เหนือลังกาสุกะขึ้นมา คือบริเวณนครศรีธรรมราชปัจจุบัน ตั้งขึ้นราวปี พ.ศ. 1100 สืบต่อจากพานพาน เป็นศูนย์กลางการค้าหลายสมัย ภายหลังตกอยู่ภายใต้อำนาจกัมพูชา และศรีวิชัย

อาณาจักรศรีวิชัย หลังสิ้นอำนาจฟูนันแล้ว เจนละ หรือกัมพูชา ได้มีอำนาจสืบต่อมา ไม่ได้ขยายอำนาจแผ่ลงไปทางทะเลตอนใต้เหมือนฟูนัน ศรีวิชัยเดิมตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของฟูนัน จึงได้แยกตัวออกเป็นอิสระ ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 13 อาณาจักรศรีวิชัยมีอำนาจมากขึ้น มีศูนย์กลางหรือเมืองหลวงอยู่ที่เมืองปาเลมบัง ในเกาะสุมาตรา นักวิชาการหลายท่านลงความเห็นว่าน่าจะเป็นอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานีปัจจุบัน

ศรีวิชัย ได้ขยายอาณาเขตออกไปยังชวาและปลายแหลมมลายูตลอดมาจนถึงเมืองไชยา (เหนือขึ้นไปเป็นอาณาเขตทวาราวดี) จากไชยาลงไปทางใต้ จึงปรากฏร่องรอยของศิลปสมัยศรีวิชัยอยู่เป็นอันมาก เป็นศิลปกรรมในพุทธศาสนามหายาน เช่น พระพิมพ์ดินดิบ พระพุทธรูป และพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเป็นต้น ศรีวิชัย มีอำนาจสืบต่อมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 18 จึงเสื่อมอำนาจลง ตกอยู่ภายใต้อำนาจของชวา ในพุทธศตวรรษที่ 19 อาณาจักรไทยทางตอนเหนือ (สุโขทัย) เริ่มมีอำนาจขึ้น และต่อมาก็ได้ครอบครองดินแดนตลอดแหลมมลายู

อ่านต่อ

Posted in สาระน่ารู้ Tagged: ภาคใต้Leave a Comment on มาทำความเข้าใจและ รู้จักกับ ภาคใต้ในอดีต !! กันเถอะ

เมนูนำทาง เรื่อง

เรื่องที่เก่ากว่า

เรื่องล่าสุด

  • แนะนำ หนังรัก ครบทุกแนว ทั้งคนโสดและคนมีแฟน ฟินจนจิกหมอน
  • แนะนำ หนังน่าดูที่สุดในปี 2018 ให้คุณได้มีช่วงเวลาดี ๆ ในวันหยุดยาว
  • ซีรีย์ญี่ปุ่น สนุก ๆ ฟินจิกหมอน ดูแล้วอินไปกับตัวละคร
  • ออกแบบห้อง จัดห้องให้ ให้พร้อมอยู่ และน่าพักผ่อนในช่วงวันหยุด
  • เกมเอาตัวรอด หนังเอาชีวิตรอดสุดลุ้นระทึก สาย Thriller ไม่ควรพลาด

ความเห็นล่าสุด

    คลังเก็บ

    • เมษายน 2021
    • มีนาคม 2021
    • กุมภาพันธ์ 2021
    • มกราคม 2021
    • ธันวาคม 2020
    • พฤศจิกายน 2020
    • ตุลาคม 2020
    • กันยายน 2020
    • สิงหาคม 2020
    • กรกฎาคม 2020
    • มิถุนายน 2020
    • พฤษภาคม 2020

    หมวดหมู่

    • UFABET
    • Uncategorized
    • ข่าว E-sports
    • สาระน่ารู้

    Meta

    • ลงทะเบียน
    • เข้าสู่ระบบ
    • เข้าฟีด
    • แสดงความเห็นฟีด
    • WordPress.org
    Proudly powered by WordPress
    Theme: Fashion Store lite by ClassicRGB