ฮวงจุ้ยบ้านที่ดี อยู่แล้วมีแต่ร่ำรวย ต้องเรียนรู้ศาสตร์ฮวงจุ้ย การสร้างบ้านหรือเลือกซื้อบ้านใหม่ สำหรับคนทั่วไปจะมุ่งเน้นเลือกซื้อตามทำเลและราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณ แต่หากผู้อ่านต้องการบ้านที่ดี อยู่แล้วร่ำรวย อยู่แล้วเจริญรุ่งเรือง ออกแบบบ้าน

การเลือกบ้านแบบคนทั่วไปอาจยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่จำเป็นต้องเรียนรู้ศาสตร์ฮวงจุ้ยเพิ่ม เพื่อให้บ้านเป็นส่วนกระตุ้นโชคลาภให้กับผู้อยู่อาศัย

ฮวงจุ้ยบ้านดี ถนนเข้าออกได้หลายทาง ทำเลที่ตั้งบ้านฮวงจุ้ยดี จำเป็นต้องมีถนนทางเข้าที่กว้าง ขับขี่ได้อย่างสะดวก และหากเป็นถนนที่สามารถเชื่อมต่อไปยังสายอื่น ๆ ได้อีกหลายเส้น จะยิ่งส่งเสริมโชคลาภให้กับผู้อยู่อาศัย

มีระยะร่นหน้าบ้าน ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ดี ระยะร่นเพียง 2 เมตร ยังไม่เพียงพอต่อการรับกระแสพลังงานเพื่อมาช่วยกระตุ้นให้กับตัวบ้าน

หน้าบ้านต้องโปร่งโล่ง โปร่ง โล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ โดยเฉพาะตำแหน่งประตูบ้านต้องโปร่งโล่งมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ กรณีมีต้นไม้ใหญ่ เสาไฟฟ้า หรือสิ่งกีดขวางใด ๆ มาบดบัง ให้ทำการเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางเหล่านั้นออก

หลังบ้านต้องหนักแน่น ฮวงจุ้ยบ้านที่ดีควรมีความหนักแน่นเป็นปึกแผ่น เนื่องจากหลังบ้านเป็นตำแหน่งบารมี จึงควรออกแบบในลักษณะเอื้อต่อการเกื้อหนุน หากอิงความเชื่อโบราณของไทยจะนิยมให้ปลูกต้นขนุนไว้หลังบ้าน

ซื้อของเอง เวลาต่อเติม ปรับปรุง หรือสร้างบ้านใหม่ สำหรับคนที่อยากประหยัดงบในการสร้างหรือต่อเติมบ้าน และกลัวว่าผู้รับเหมาจะคิดราคาค่าวัสดุเกินความจำเป็น สถาปนิก

– วัสดุก่อสร้างที่เราสามารถซื้อเองได้ ควรเป็นของที่นับจำนวนได้ ปริมาณไม่มาก เช่น กระเบื้อง สุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ อ่างล้างหน้า ซิงค์ล้างจาน โคมไฟ ปลั๊กไฟ เพราะบางอย่างเป็นเรื่องของความชอบ หรือรสนิยม

– การซื้อของที่มีรูปแบบบริการครบวงจร ตั้งแต่สำรวจหน้างาน ออกแบบ จำหน่าย ติดตั้ง และรับประกันคุณภาพหรือผลงาน เช่น บริการมุงกระเบื้องหลังคาพร้อมโครง, บริการติดตั้งฉนวนกันความร้อน, บริการออกแบบพร้อมปูกระเบื้องพื้น/ผนัง

รวมไปถึงติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องน้ำ, บริการติดตั้งพื้นหินขัด กรวดล้าง/ทรายล้าง, บริการปูไม้พื้นระเบียง, บริการติดตั้งประตู-หน้าต่าง, บริการติดตั้งแผงระแนงกันแดด, บริการออกแบบและจัดสวน ฯลฯ

– การซื้อของที่เจ้าของบ้านพอใจจะซื้อ โดยอาจไม่ได้คำนึงถึงราคาและค่าใช้จ่ายมากนัก เพราะเป็นของที่แสดงออกถึงสไตล์และรสนิยมของเจ้าของบ้าน เช่น โคมไฟระย้าตกแต่งในโถงสูง หินอ่อนสั่งพิเศษนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นต้น

เทคนิคการเลือกหลอดไฟในบ้าน ให้เหมาะกับการใช้งาน ทุกพื้นที่ “แสงสว่าง” นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตที่ทุกบ้านไม่สามารถขาดไปได้ เพื่อให้การทำกิจกรรมราบรื่นตลอดวัน การนำแสงประดิษฐ์หรือหลอดไฟมาใช้เพื่อชดเชยแสง หรือเพิ่มความเข้มข้นของแสงเฉพาะจุดก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน สถาปนิก

เทคนิคการเลือกหลอดไฟในบ้าน ให้เหมาะกับการใช้งาน

ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเกี่ยวกับแสง และการเลือกหลอดไฟในบ้านให้เหมาะกับห้องต่าง ๆ เพื่อให้การอยู่อาศัยสะดวกสบาย และคุ้มค่าสูงสุด

1. การเลือกหลอดไฟในบ้านจากโทนสีของแสง สีของหลอดไฟแต่ละโทนให้ความรู้สึกทางอารมณ์ และสร้างบรรยากาศให้ห้องนั้นๆ แตกต่างกันไปตามความต้องการของแต่ละห้อง อีกทั้งยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการมองเห็น ดังนั้นการเลือกโทนสีของหลอดไฟในบ้านให้เหมาะสมกับห้องต่าง ๆ นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้กิจกรรมของเรา ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ และทัศนียภาพรอบตัวบ้านอีกด้วย

2. การเลือกขั้วหลอดไฟให้เหมาะสม ขั้วของหลอดไฟนั้นจะแตกต่างกันไปตามประเภทของหลอดไฟนั้นๆ การตรวจดูประเภทของขั้วหลอดไฟจึงเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญ เพราะการเลือกหลอดไฟที่มีขั้วไม่สอดคล้องกับโคมไฟ หรือรางหลอดไฟที่บ้าน อาจทำให้จะต้องเสียเงินเพื่อซื้อหลอดใหม่ได้

3. การเลือกประเภทของหลอดไฟในบ้าน สำหรับประเภทหลอดไฟที่นิยมใช้ในบ้านทุกวันนี้มี 3 ประเภท คือ

หลอดไส้ ปัจจุบันมีพัฒนาการมากขึ้นโดยบรรจุสารตระกูลฮาโลเจนเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน หลอดชนิดนี้นิยมใช้เพื่อเน้นบรรยากาศในห้อง หรือบริเวณที่ต้องการความสว่างเป็นพิเศษ เช่น ใช้ในตู้โชว์ หรือส่องรูปภาพบนผนังให้โดดเด่น เป็นต้น

หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดตะเกียบ เป็นหลอดที่นิยมใช้งานเนื่องจากมีอายุการใช้งานยาวนาน ให้แสงสว่างสูง และประหยัดไฟได้ร้อยละ 75-80 ของหลอดไส้

หลอด LED (Light Emiting Diodes) เป็นแสงประดิษฐ์ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ด้วยเพราะเป็นหลอดไฟขนาดเล็กที่สุดแต่ให้แสงสว่างได้ดีไม่แพ้บรรดาหลอดไฟที่มีมาก่อนนอกจากนี้ยังไม่มีการปล่อยรังสียูวี หรือก๊าซอันตรายอีกด้วย โดยเราสามารถใช้หลอด LED ได้ในทุกๆ จุดของบ้าน

4. การเลือกหลอดไฟที่ให้ระดับความสว่างเหมาะกับพื้นที่ ความสว่างที่ไม่เหมาะสมนอกจากจะทำให้ mood and tone ของบ้านไม่เป็นไปดั่งใจเราแล้ว ยังอาจส่งผลเสียที่ใหญ่กว่านั้น นอกจากจะเลือกหลอดไฟจากโทนสีของแสงที่ต้องการแล้ว ระดับความสว่างที่เหมาะสมจึงเป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรคำนึงถึง

5. การเลือกรูปทรงของหลอดไฟในบ้าน รูปทรงของหลอดไฟยังผลต่อการใช้งานด้วย การเลือกรูปทรงหลอดไฟที่ไม่เหมาะสมจะทำให้แสงกระจายได้ไม่เพียงพอ และส่งผลเสียต่อพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างที่สม่ำเสมอ เราจึงควรเลือกรูปทรงของหลอดไฟที่สามารถกระจายแสงในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงด้วย

6. การเลือกหลอดไฟที่ปรับการใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น หรี่ไฟ ปรับโทนสี การเลือกหลอดไฟที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย ย่อมให้ความคุ้มค่าสูงสุด เพราะห้อง ๆ หนึ่ง สามารถเป็นได้ทั้งห้องสำหรับพักผ่อน หรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิได้เมื่อต้องการ

7. การเลือกหลอดไฟในบ้านและจํานวนวัตต์ที่เหมาะสม “หลอดไฟบ้านกี่วัตต์” เป็นคำถามที่คำตอบ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และลักษณะของพื้นที่นั้นๆ เช่น ห้องทำงาน มีความสูง 2.5 เมตร (ประมาณ 15 ตร.ม.) เหมาะกับหลอดไฟ LED 4-5 วัตต์ จำนวน 10 หลอด แต่หากใช้หลอดไฟ LED 7-7.5 วัตต์ จำนวนเพียง 6 หลอดก็เพียงพอ

เคล็ดลับออกแบบบ้าน ให้ดูสวยหรูทันสมัย ตามสไตล์โมเดิร์น หลายคนคงชื่นชอบบ้านสไตล์โมเดิร์นสมัยใหม่ และคงคิดอยากจะสร้างบ้านแบบนั้นเป็นของตัวเองสักหลัง แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจคอนเซ็ปต์ และภาพรวมของคำว่าสมัยใหม่แบบจริงๆ ออกแบบบ้าน

บางคนอาจจะเข้าใจแบบผิดๆ คิดว่าตกแต่งแบบนี้แล้วจะใช่ จะทำให้บ้านดูโมเดิร์นดูทันสมัยขึ้นมาได้ แต่จริงๆแล้วมันกลับต่างออกไปเป็นคนละแนว เพราะฉะนั้นแล้ว เราเลยนำเคล็ดลับในการจัดแต่งและออกแบบบ้านให้ดูสวยทันสมัย

และมีราคามาให้คุณ เป็นเคล็ดลับที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ไม่ไกลตัว ถ้าเผื่อใครสังเกต บ้านแบบสมัยใหม่ส่วนมากมักจะมีเพดานที่กว้างใหญ่ และที่สำคัญคือสูงมาก หรือลักษณะคือจะเป็นแบบห้องโถงกว้างๆ ให้ความรู้สึกที่โปร่ง โล่งสบาย ห้องดูมีสเปซมากขึ้นอยู่แล้วไม่อึดอัด

ลักษณะของบ้านโมเดิร์นแบบสมัยใหม่ จะไม่เลือกใช้สีฉูดฉาด แต่จะเน้นใช้โทนสีพื้น ๆ ธรรมชาติ เช่น ขาว เทา น้ำตาล ดำ แทน และที่สำคัญคือจะลงลวดลายน้อยมาก หรือไม่ก็ไม่ลงเลย เพราะต้องการให้ความรู้สึกที่ดูสวย เรียบหรู และมีมูลค่ามากที่สุด

ไม่ใช่แค่การเลือกโคมไฟให้มีรูปทรงที่ดูสวยหรู ไม่เหมือนใครเท่านั้น แต่การเลือกหลอดไฟเองก็สำคัญ ให้พยายามเลือกใช้หลอดที่ไม่สว่างมากจนเกินไป และถ้าเป็นหลอดสีเหลืองได้ยิ่งดี เพราะหลอดสีเหลืองเมื่อเปิดไฟขึ้นมาแล้ว พอไปกระทบกับเฟอร์นิเจอร์ และทุกสิ่งอย่างในห้อง บรรยากาศจะสวยหรูดูแพงขึ้นมาได้

บ้านน็อคดาวน์ เป็นรูปแบบของบ้านสมัยใหม่ ที่เพิ่งจะได้รับความสนในไทยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรูปแบบทางสถาปัตยกรรมของบ้านสไตล์นี้เรียกว่า “Finished home” หรือบ้านสำเร็จรูป เป็นบ้านที่มีขนาดเล็ก ออกแบบบ้าน

มีทั้งแบบชั้นเดียวและ 2 ชั้น โดยจุดเด่นของบ้าน คือก่อสร้างรวดเร็วทันใจ ราคาถูกและสวย เพียงมีที่ดินอยู่แล้วก็สามารถเลือกแบบบ้านที่พอใจ ถึงจะเริ่มคุยรายละเอียดต่างๆก่อนและทำสัญญาให้เรียบร้อย ก็สามารถให้เริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ทันที โดยใช้เวลาติดตั้งที่หน้างานไม่เกิน 3 วัน

ก็สามารถมีบ้านใหม่พร้อมให้เข้าอยู่ได้ในระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน ส่วนใหญ่ทำเสร็จภายในเวลา 1 เดือนเท่านั้น ถือว่าใช้เวลาน้อยมากหากเทียบกับการก่อสร้างบ้านทั่วไปที่ใช้เวลานานหลายเดือน กว่าจะเสร็จและเข้าอยู่ได้

5 ลักษณะบ้านไทยประยุกต์ แบบล้านนาบ้านเมืองเหนือ การสร้างบ้านเรือนไทยสมัยก่อนในแต่ละพื้นที่ มักมีรูปแบบของงานสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับอิทธิพลทางภูมิประเทศ ภูมิอากาศและภูมิปัญญา นำมาก่อร่างสร้างเรือนให้สอดคล้องเหมาะสมกับการดำเนินชีวิตของชุมชนนั้น ๆ ออกแบบบ้าน

บ้านไหนพอจะมีฐานะ นิยมทำเป็นเรือนกาแลประดับตกแต่งบ้านอย่างประณีต ซึ่งล้วนเป็นภาพจำที่ทรงคุณค่า แม้เวลาจะผ่านมาเป็นร้อยปีก็ยังมีคนที่ชื่นชอบและนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจ ประยุกต์ร่วมกับบ้านสมัยใหม่

5 ลักษณะบ้านไทยประยุกต์ แบบล้านนาบ้านเมืองเหนือ

1. ยกพื้นสูงไม่มากนัก แบบบ้านล้านนาเดิมจะมีทั้งแบบบ้านมีใต้ถุนยกสูงในเขตที่ลุ่มหรือพื้นราบ และแบบใต้ถุนของตัวเรือนค่อนข้างต่ำ ซึ่งมักพบบนดอยหรือทิวเขา

2. นิยมออกแบบหลังคาทรงจั่วหรือมะนิลา หลังคาเรือนล้านนาเดิมจะเป็นหลังคาจั่วหลังคาลาดชันคลุมต่ำ ดูเตี้ยกว่าเรือนฝาปะกนของภาคกลางและไม่มีหลังคากันสาด แต่ชายคาบ้านที่ยื่นออกมากันแดดกันฝน

3. มีไม้เชิงชายปกปิดหลังคา เรือนไม้ล้านนาจะปิดเชิงชายให้ดูเรียบร้อยด้วยแผ่นไม้ยาวตลอดแนว แต่ในยุคหนึ่งมีการนำเอาระเบียบวิธีการตกแต่งด้วยไม้ฉลุลายหรือไม้แกะสลักแบบบ้านขนมปังขิง (gingerbread) มาประดับจั่วหลังคาและเชิงชาย

4. ประดับด้วยกาแล กาแลหรือกะแล เป็นส่วนประดับของบ้านล้านนาแบบเรือนกาแลที่มียอดจั่วเป็นกากบาท กาแลอยู่ตอนบนสุดของหลังคาที่ยื่นจากหน้าจั่ว ลักษณะเป็นแผ่นไม้ 2 ชิ้นไขว้กัน

5. หน้าต่างบานเล็กหรือบานกระทุ้งป้องกันลมหนาว หน้าต่างหรือปล่องในภาษาเหนือ คือช่วงฝาเรือนที่เจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทั้งแบบมีกรอบ ไม่มีกรอบ และแบบบานกระทุ้ง จุดประสงค์เพื่อให้บ้านมีการไหลเวียนของอากาศ รับแสงสว่างเข้าสู่ภายในและมองออกนอกเรือนได้

สำหรับ “สีทาบ้าน” ถือเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่น สวยงามให้ภายในบ้านได้เป็นอย่างดี 5 Tips การเลือกสีทาบ้าน ให้เหมาะกับบ้าน สามารถนำไปปรับใช้ในการเลือกโทนสีบ้านได้ สถาปนิก

1. ประเภทของสีทาบ้าน

ประเภทของสีทาบ้านมีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สีทาภายนอก สีทาภายใน เพราะฉะนั้น ควรมีการเลือกใช้ให้เหมาะกับการใช้งาน เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของสี

2. เปรียบเทียบกับเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งภายในบ้าน และพื้น

การนำเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งภายในบ้าน และพื้น มาเปรียบเทียบ จะทำให้สามารถเลือกสีทาบ้านได้ง่ายยิ่งขึ้น เพียงปรับเฉดสีอ่อน-เข้ม ให้ลงตัว ดูมีมิติ ไม่กลมกลืนกันมากจนเกินไป

3. เลือกโทนสีให้เหมาะกับแต่ละห้อง

ควรเลือกให้เข้ากับสไตล์การตกแต่ง ตามความต้องการ แต่ละโทนสีย่อมให้อารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงการเลือกใช้โทนสี ให้เหมาะสมกับแต่ละห้องด้วยเช่นกัน

4. คำนึงถึงสไตล์การตกแต่ง และให้เหมาะกับผู้อยู่อาศัย

ควรคำนึกถึงผู้อยู่อาศัยด้วย เพราะความชอบของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน อาจมีการแบ่งห้องให้แต่ละคน พร้อมทำการเลือกสีทาบ้านให้เหมาะกับผู้อยู่อาศัยในห้องนั้นๆ

5. ทดลองสีก่อนทำการทาลงบนผนัง

เมื่อเราเลือกโทนสีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องปิดท้ายด้วยการทา ซึ่งการทาสีบ้านนั้น ควรมีการทดลองสีก่อน เพื่อให้ได้สีที่ตรงความต้องการ

3 ไอเดีย จัดไฟห้องนอนสุดปัง บรรยากาศดีๆ สร้างเองได้ไม่ยากด้วยไฟในห้องนอน ขอเพียงแค่คุณรู้ไอเดียเลือกหลอดไฟในห้องนอนและการจัดวางโคมไฟห้องนอนสุดปัง จะช่วยเปลี่ยนห้องนอนเดิมๆ ของคุณ ให้กลายเป็นห้องนอนสุดหรูในโรงแรม 5 ดาวได้ ออกแบบบ้าน

1.เลือกชนิดหลอดไฟในห้องนอนที่ใช่ ไม่ว่าจะเป็นหลักการออกแบบภายในหลักจิตวิทยา หรือหลักฮวงจุ้ยก็ตาม ไม่ควรจัดไฟห้องนอนสว่างเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกร้อน นอนหลับยาก ซึ่งโดยทั่วไปหลอดไฟจะมีระดับของสีอยู่ 3 ระดับหลักๆ คือ

– หลอดไฟแบบ Daylight เป็นไฟที่ให้แสงสว่างโทนฟ้า เหมือนกับแสงสว่างในช่วงกลางวัน นิยมใช้สำหรับพื้นที่ทำงาน หรือโต๊ะเครื่องแป้ง

– หลอดไฟแบบ Cool White เป็นไฟที่ผสมผสานระหว่าง Warm White กับ Daylight สีออกโทนขาวแต่ไม่ขาวจัด ให้ความสว่างกลางๆ นวลตากว่าหลอดไฟแบบ Daylight

– หลอดไฟแบบ Warm White เป็นไฟแสงสีนวลออกเหลืองอมส้ม ไม่สว่างมาก ดูอบอุ่นสบายตา นิยมใช้เป็นแสงไฟสร้างบรรยากาศ (Mood Light)

2.จัดไฟห้องนอน เราควรกำหนดว่าพื้นที่จุดไหนจะเป็นเตียงนอน โต๊ะทำงาน หรือมุมแต่งหน้า แต่งตัว แล้วค่อยกำหนดว่าจะติดตั้งไฟจุดไหนบ้าง ขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมากทีเดียว

3. เพิ่มลูกเล่นให้ไฟในห้องนอนด้วย TV Backlight การนำ ไฟ LED TV Backlight มาติดไว้ที่ด้านหลังทีวีด้วยเทคนิคซ่อนไฟ ซึ่งปัจจุบันมีสีหลอดไฟให้เลือกหลากหลายไม่จำเจแค่สีเดิมๆ อยากได้อารมณ์แบบไหนก็เลือกสีหลอดไฟตามสไตล์ที่คุณต้องการได้เลย

ตามที่หลายคนมักคุ้นหูกันดีว่า สร้างบ้านมักบานปลายทุกที แต่ต่อไปนี้ปัญหาเหล่านี้จะหายไป เมื่อคุณได้รู้ 9 เคล็ดลับ ที่ช่วยให้สร้างบ้านตามแบบบ้านในฝัน ได้ประหยัด โดยไม่ต้องลดสเปคให้ยุ่งยาก ออกแบบบ้าน

9 เคล็ดลับ ในการสร้างบ้านราคาประหยัด ง่ายนิดเดียว

1. เปลี่ยนวิธีสร้างออกแบบบ้าน การเก็บรายละเอียดในการสร้างบ้าน ซึ่งหากเจ้าของบ้านรายไหนกำลังคิดสร้างบ้าน ราคาประหยัด อาจเลือกปรับเปลี่ยนวิธีสร้างออกแบบบ้าน จากที่ต้องใช้ฝีมือความปราณีตของช่าง

ซึ่งจำเป็นต้องเสียค่าแรงและวัสดุก่อสร้างค่อนข้างเยอะ มาปรับเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าแบบบ้านเป็นชั้นเดียวแต่ต้องการยกสูง ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการถมดินค่อนข้างมาก เพื่อไม่ให้บ้านทรุด อาจปรับเปลี่ยนมาเป็นเล่นระดับของบ้านแทน ก็จะทำให้ตัวบ้านดูโปร่งขึ้น โดยไม่ต้องเสียเงินเยอะ

2. เลือกวัสดุที่จำเป็น ทางที่ดีหากต้องการสร้างบ้าน ราคาประหยัด ด้วยวิธีเลือกวัสดุที่จำเป็น อย่างอะไรที่อยู่ด้านในบ้าน ที่ไม่จำเป็นต้องโชว์ความสวยงาม อาจเลือกใช้อาจเทปูนเปือยธรรมดา หรือใช้หินธรรมชาติมาตกแต่ง แทนการปูกระเบื้อง ก็จะช่วยค่าใช้จ่ายไปได้

3. เลือกสร้างบ้านให้เหมาะสมกับพื้นที่ อาจจะเลือกพื้นที่ในการสร้างบ้าน 2 ใน 4 ของพื้นที่พอ เนื้อที่ที่เหลือสามารถนำไปปลูกผักสวนครัว ทำเกษตรอินทรีย์ ยึดหลักความพอเพียง สร้างรายได้ให้ครอบครัวได้อีกด้วย

4. แสง ลม คือหัวใจสำคัญของการสร้างบ้าน การสร้างบ้านให้เย็น ถ่ายเทอากาศดี และดูโปร่งไม่มืดทึบ ตามหลักสไตล์ของแบบบ้านโมเดิร์นนั้น ไม่จำเป็นต้องลงทุนเลือกวัสดุช่วยให้บ้านเย็น พียงแค่รู้จักทิศทางลมและแสง ว่าควรหันทางไหน

5. วาดผังแปลนบ้านตามความเหมาะสม เมื่อคิดจะสร้างบ้าน ราคาประหยัด การวางผังแปลนบ้านถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ สืบเนื่องจากสามารถลดการสร้างสิ่งที่ไม่จำเป็นอย่างการต่อเติมเพิ่มได้ ดังนั้นการวาดแปลนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นแบบบ้านใด ควรคำนึงถึงการใช้งานและความจำเป็นเป็นหลัก

6. เรื่องพื้น ช่วยลดงบประมาณบ้านได้เห็นๆ หากตั้งมั่นแน่วแน่จะสร้างบ้าน ราคาประหยัด จึงควรเปลี่ยนจากวัสดุอย่างกระเบื้อง ไม้ลามิเนต หรือแกรนิตโต้ มาเป็นปูนเปือยแทน ก็จะช่วยให้บ้านเย็น และดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ

7. ปรับเปลี่ยนผนังอิฐมอญเบา เป็นผนังเบา ใครที่กำลังสร้างบ้าน ราคาประหยัดอยู่ อาจเลือกใช้ผนังเบาอย่างยิปซั่มบอร์ดแทน ซึ่งนอกจากจะโดดเด่นเรื่องคุณภาพเทียบเท่ากับอิฐมอญเบาแล้ว ยังมีราคาย่อมเยาว์ด้วย

8. เลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ ในการสร้างบ้าน ราคาประหยัด โดยเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติรอบตัวมาดัดแปลง ไม่ว่าจะเป็นไม้ไผ่ ฝางข้าว หลังคามุงจาก ล้วนแล้วมีราคาไม่แพง และยังมีคุณสมบัติดีเลิศ แถมยังทำให้บ้านสวย โดดเด่นอีกด้วย

9. DIY เฟอร์นิเจอร์เลือกใช้ สำหรับการสร้างบ้าน ราคาประหยัด สามารถทำได้ เพียงหยิบจับวัสดุของเหลือใช้ อย่าง เศษไม้ ผ้า เบาะ ที่ชำรุด มาซ่อมแซมปรับปรุงให้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สวยงามได้

ห้องนอน เป็นห้องส่วนตัวที่ใช้สำหรับการพักผ่อน ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ดังนั้นจึงมีสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ซึ่งการดูแลรักษาสามารถทำได้ รับออกแบบบ้าน

1. เครื่องนอน ประกอบไปด้วย ที่นอน หมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หลังจากตื่นนอนให้เก็บที่นอน ปัดให้เรียบร้อย คลุมด้วยผ้าคลุมเตียง เพื่อกันฝุ่นละออง

2. ผ้าม่าน และหน้าต่าง ทำวามสะอาดอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง

3. โต๊ะเขียนหนังสือ ควรจัดสิ่งของให้เข้าที่ให้เป็นระเบียบ ปัดกวาดทุกวัน และใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาด

4. มุ้งลวด ให้ปััดฝุ่น และใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดประมาณสัปดาห์ละครั้ง และควรนำมุ้งลวดมาข้ดล้างทำความสะอาด อย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง

5. พื้นห้อง ควรกวาดถูทุกวัน เหมือนพื้นบ้านและถ้ามีเครื่องดูดฝุ่นให้ดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง